ถกเครียด 5 ชั่วโมง! ในที่สุด “คมนาคม” ยอมถอย ยื่นเงื่อนไขถ้ากลุ่มรถร่วมฯ เอารถเมล์ใหม่มาวิ่งได้ จะยอมให้ขึ้นราคาเดือนหน้า
นางภัทรวดี กล่อมจรูญ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทาง (สมาคมรถร่วมฯ) เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้เชิญตัวแทนสมาคมฯ เข้าพบเป็นการด่วน เพื่อชี้แจงและทำความเข้าใจกรณีที่คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางมีมติให้เลื่อนการปรับขึ้นราคารถโดยสารประจำทาง (รถเมล์) ออกไปอีก 3 เดือน
ที่ประชุมใช้เวลาหารือถึง 5 ชั่วโมง โดยภาครัฐชี้แจงเหตุผลที่มีการเลื่อนเวลาปรับขึ้นค่าโดยสารว่า เป็นเพราะต้องการจูงใจให้ประชาชนลดการซื้อรถยนต์ส่วนตัวและหันมาใช้รถเมล์มากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดปัญหาฝุ่นละอองในอากาศ
แต่สมาคมฯ กังวลว่าการชะลอขึ้นค่าโดยสารจะส่งผลกระทบแผนธุรกิจและความเชื่อมั่นของกลุ่มทุนที่มาจับมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจด้วย เพราะสมาคมฯ ได้วางแผนจะจัดซื้อรถเมล์ใหม่มานานแล้ว แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ จนกระทั่งคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางมีมติให้รถโดยสารสาธารณะทุกประเภทปรับขึ้นค่าโดยสารในปลายปี 2561 ส่งผลให้เจรจากลุ่มทุนเพื่อเดินหน้าจัดหารถเมล์ใหม่ได้สำเร็จ
เบื้องต้นสมาคมฯ วางแผนจะจัดหารถเมล์ใหม่ 1,500 คันในปีนี้ เริ่มจากเฟสแรกจะจัดหารถเมล์ปรับอากาศ (รถเมล์แอร์) 300-500 คันแรกภายใน 1-2 เดือนข้างหน้าก่อน โดยขณะนี้ได้สั่งซื้อรถล็อตแรกเรียบร้อยแล้ว พร้อมเสนอเรื่องให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) พิจารณาให้สัมปทานเดินรถในเส้นทางที่มีการจัดหารถใหม่เป็นเวลา 7 ปี
แต่อยู่ๆ รัฐบาลกลับมีคำสั่งให้ชะลอการปรับขึ้นค่าโดยสารเพียง 3 วัน ก่อนมีผลบังคับใช้ ซึ่งเรื่องนี้ย่อมส่งผลต่อความเชื่อมั่นของพันธมิตรที่มาร่วมทุนอย่างแน่นอน
“เบื้องต้นรัฐมนตรีรับปากจะแก้ปัญหาด้วยการปรับขึ้นค่าโดยสารเฉพาะรถใหม่ ถ้าหากรถร่วมฯ นำรถใหม่มาวิ่งได้ โดยจะเสนอให้คณะกรรมการควบคุมฯ พิจารณา ทบทวนมติอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562” นางภัทรวดีกล่าว
สำหรับค่าโดยสารรถเมล์ใหม่จะเป็นไปตามมติคณะกรรมการควบคุมคุมการขนส่งทางบกกลางเห็นชอบไว้เมื่อปลายปี 2561 คือ รถเมล์ใหม่แบบธรรมดา (รถร้อน) ให้ปรับค่าโดยสารเป็น 12 บาทต่อเที่ยวและรถเมล์แอร์เป็น 15 บาทต่อเที่ยวในช่วง 4 กิโลเมตรแรก,20 บาทในช่วง 5-16 กิโลเมตร และเก็บในอัตรา 25 บาทต่อเที่ยว ในระยะทางตั้งแต่ 16 กิโลเมตรขึ้นไป
