แจ็ค หม่า (Jack Ma) มหาเศรษฐีคนสำคัญของจีนออกโรงเตือนบริษัททั่วโลก ให้ความสำคัญกับการพัฒนาชิพของตนเอง พร้อมแนะให้เลิกพึ่งพิงเทคโนโลยีชิพจาก “สหรัฐอเมริกา” หลังเกิดกรณีของ ZTE ที่ถูกสหรัฐอเมริกาแบนการซื้อชิพเป็นเวลา 7 ปี
เป็นคำเตือนที่น่าติดตามสำหรับบริษัททั่วโลกกับการออกมาครั้งนี้ของแจ็ค หม่า โดยมหาเศรษฐีจีนรายนี้เผยว่าเป็นความเสี่ยงอย่างมากสำหรับการพัฒนาประเทศในด้านเทคโนโลยีหากปล่อยให้สหรัฐอเมริกาควบคุมตลาดเซมิคอนดักเตอร์เหมือนเช่นทุกวันนี้
“เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อลูกค้า และต่ออนาคตของโลก จีน ญี่ปุ่น รวมถึงประเทศใด ๆ ก็ตาม ควรมีเทคโนโลยีชิพเป็นของตนเอง”
คำกล่าวของแจ็ค หม่า เกิดขึ้นในเวทีมหาวิทยาลัยวาเซดะ ประเทศญี่ปุ่นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
โดยอาลีบาบาเอง ได้มีการควบกิจการของบริษัทผลิตชิปสัญชาติจีนชื่อ หางโจว ซีสกาย ไมโครซิสเต็มส์ (Hangzhou C-SKY Microsystems) ไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย เพื่อขยายขีดความสามารถด้านการพัฒนาชิพของตนเอง
ดีลดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาประกาศลงโทษบริษัท ZTE ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนสัญชาติจีนไม่ให้มีสิทธิซื้อชิพที่เป็นเทคโนโลยีจากสหรัฐอเมริกาได้เป็นเวลา 7 ปี ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาตึงเครียดขึ้นมาด้วยเช่นกัน
ด้าน แจ็ค หม่า กล่าวว่า การตัดสินใจลงทุนในบริษัทผู้ผลิตชิพของอาลีบาบานั้นเกิดขึ้นก่อนที่สหรัฐอเมริกาจะแบนบริษัท ZTE แต่อาลีบาบาเห็นว่า เทคโนโลยีชิพนั้นควรจะมีราคาถูกลงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้มันสามารถรองรับการใช้งานในยุค IoT ได้ และอีกนัยหนึ่งมันจะช่วยส่งเสริมความเป็น Data Company ของอาลีบาบาให้แข็งแกร่งขึ้นอย่างมากด้วย
โดยเทคโนโลยีชิพของอาลีบาบานั้น แจ็ค หม่า ระบุว่าอาจเป็นเทคโนโลยีแบบเปิดและสามารถแบ่งปันกันได้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Nikkei Asian Review