Business

‘แอลพีเอ็น’ รีโมเดลธุรกิจ 2 ปีรับตลาดชะลอ

แอลพีเอ็น” ยอมรับตลาดอสังหาฯถดถอย เผยประเมินภาวะชะลอตัวล่วงหน้า 2 ปี ทยอยรีโมเดลธุรกิจ ล่าสุดทำรายได้รวมเติบโต 20% ชี้สต็อกคอนโดลูกค้าจีนน่าห่วง ปีนี้เตรียมปรับโครงสร้างธุรกิจครบวงจร ฝ่าปัจจัยลบด้วยแผนรองรับที่เข้มแข็ง มั่นใจทิศทางการดำเนินงานที่รอบคอบ ผลการจัดอันดับจาก ทริสเรตติ้ง ระดับ A-(Stable) และแบรนด์ที่ได้รับความเชื่อมั่นยาวนานกว่า 30 ปี จะสร้างการเติบโตในปีนี้ 10%

คุณโอภาส ศรีพยัคฆ์ CEO LPN
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์

 โอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) เปิดเผยว่า จากสภาวะถดถอยของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เป็นสิ่งที่ LPN ได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว บริษัทจึงมีการปรับโมเดลและวางแผนธุรกิจภายใต้แนวทาง Year of Shift และ Year of Change ในปี 2560-2561  เพื่อรองรับสถานการณ์และสร้างรายได้ ให้เกิดขึ้นทั้งจากการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์, Recurring Income (รายได้ประจำ) และธุรกิจบริการ

ส่งผลให้แอลพีเอ็นกรุ๊ป เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายเดียว ที่เน้นการทำธุรกิจอย่างครบวงจร โดยมีการเติบโตของรายได้ 20% จากกลยุทธ์ในด้านต่างๆ ได้แก่

บ้าน 365
โครงการ บ้าน 365

1.ขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังระดับบน ทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านพักอาศัย โดยได้พัฒนาบ้านพรีเมียมเป็นครั้งแรกภายใต้แบรนด์ “BAAN 365” กับคอนเซ็ปต์ “Livable Simple Luxury” ซึ่งสามารถสร้างยอดขายในช่วง Presale ได้มากกว่า 50% จนได้รับการกล่าวขานเป็น Talk of the Town ในวงการอสังหาริมทรัพย์

โดยสัดส่วนการพัฒนาคอนโดฯของแอลพีเอ็นจะลดลง จากเดิม 98% ในปีนี้จะปรับลดเหลือ 85% อีก 15% จะเป็นแนวราบและตลาดเช่า

นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาคอนโดมิเนียมระดับบน และขยายเซ็กเมนท์ไปยังกลุ่ม Gen Y ที่มีไลฟ์สไตล์เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง ภายใต้ซับแบรนด์ “Lumpini Selected” ซึ่งได้ส่งมอบโครงการแรกที่เกษตร-งามวงศ์วานแล้วในปีที่ผ่านมา และต่อยอดไปยังย่านสุทธิสาร-สะพานควายที่ได้รับการออกแบบให้เหมาะกับการใช้ชีวิตของผู้หญิงรุ่นใหม่

ลุมพินีพาร์ค วิภาวดี
โครงการบลุมพินีภาร์ค วิภาวดี

2.การขยายธุรกิจไปยัง “Office Condo” พร้อมบริการวางระบบ Office Smart ที่เอื้อประโยชน์ต่อการทำธุรกิจ นำร่องด้วย อาคาร “ลุมพินี ทาวเวอร์ วิภาวดี” อาคาร A ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้สนใจหลายรายที่ต้องการซื้อยกตึก โดยในขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจา

3.การสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) จากการบริหารโครงการของบริษัท ลุมพินี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด และรายได้จากการปล่อยเช่า รวมถึงการนำห้องชุดในโครงการ “ลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต-คลอง 1” อาคาร F มาปรับเปลี่ยนจากการขายมาเป็นการเช่า โดยได้ออกแบบพื้นที่ส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของผู้เช่า เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีเสมือนการพักอาศัยในคอนโดมิเนียม

การพัฒนาคอนโดในปัจจุบันทางเลือกไม่มาก ตลาดกลางล่างทรุดตัวเหลือเฉพาะตลาดกลางบน

ปี 2562 ปีแห่งการฝ่าพายุขยายฐานรายได้

สำหรับปี 2562 นายโอภาส กล่าวว่า จะเป็นปีแห่งการฝ่าพายุ (Storm is coming) สภาวะถดถอยของตลาอสังหาฯยิ่งปรากฏให้เห็นชัดเจนมากขึ้น แอลพีเอ็นจึงได้เตรียมแผนรองรับปัจจัยลบต่างๆ ไว้เพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนโดยตั้งเป้าหมายไว้ที่ 10% ด้วยการเปิดตัวโครงการให้ครอบคลุมทั้งกลุ่ม Value และ Standard เพื่อกระจายความเสี่ยง ในขณะเดียวกันก็ระมัดระวังในการเลือกทำเลเปิดตัวโครงการใหม่ เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นทำเลที่มีศักยภาพตามกลยุทธ์ขององค์กร เพื่อให้มั่นใจได้ถึงความสำเร็จของโครงการ

โดยข้อมูลที่ใช้ประกอบการตัดสินใจทั้งหมดสนับสนุนโดย  LPN Wisdom  หน่วยงานที่ทำหน้าที่วิจัยเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลเชิงลึกในการพัฒนาโครงการ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการอย่างต่อเนื่อง บริษัทยังมีสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง เนื่องจากสินค้าพร้อมอยู่ทั้งหมดของ LPN มูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท เป็นบ้านล้านหลังได้ 6,000 หน่วย ที่เข้ามาตรการบ้านล้านหลังได้ และเป็นสินค้าที่ไม่มีภาระทางด้านการเงิน

นอกจากนั้น บริษัทได้รับการจัดอันดับจากทริสเรตติ้ง ในระดับ A- (Stable) ที่แสดงถึงความมั่นคงและน่าเชื่อถือทางการเงิน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการระดมทุนหากบริษัทมีการออกหุ้นกู้ในอนาคต ขณะเดียวกันแอลพีเอ็นได้ขยายธุรกิจรองรับแผนปรับตัวดังนี้

ลุมพินีสวีท
โครงการ ลุมพินีสวีท

LPN Wisdom จัดตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงวิเคราะห์วิจัยตลาดอสังหาริมทรัพย์ในทำเลที่เหมาะสมทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านพักอาศัยตาม Segment ของ Product Brand “ลุมพินี” โดยได้สร้างศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Product Development Center) เพื่อเป็นที่ศึกษาและพัฒนาคุณค่าของสินค้าอย่างต่อเนื่อง

LPN Project Management โดยในปี 62 ซึ่งเป็นช่วงสภาวะถดถอยของภาคอสังหาริมทรัพย์นี้ LPN Project Management จะเน้นการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงาน เพื่อให้ต้นทุนการพัฒนาโครงการของ LPN ต่ำลง

LPP Property Management เป็นฟันเฟืองหลักในธุรกิจบริการ โดยมีเป้าหมายการเติบโตอยู่ที่ 20% ซึ่งเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดจาก 15% ในปีที่ผ่านมา โดยรายได้หลักของธุรกิจจะมาจาก 3 ขา คือ การบริหารชุมชนทั้งภายในและภายนอกโครงการของ LPN งานบริการด้านวิศวกรรม และธุรกิจนายหน้าหาผู้ซื้อและผู้เช่าห้องชุด นอกจากนั้น LPP ยังมีฐานลูกค้าอีกกว่า 1.5 แสนราย ที่สามารถนำไปต่อยอดเพื่อสร้างรายได้จากการบริการในอนาคต

4.LPC Service & Care ดำเนินธุรกิจบริการด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการอยู่อาศัยในโครงการ เช่น งานบริการความสะอาด งานบริการต้อนรับ เป็นต้น

บริการนี้บริหารงานโดยบริษัท LPC Social Enterprise วิสาหกิจเพื่อสังคม 1 ใน 15 แรกในไทย ซึ่งเปรียบเสมือนตัวแทนด้านความเป็น “คนดี” ของ LPN ที่ต้องการแสดงความใส่ใจ ห่วงใย แบ่งปันต่อสตรีด้อยโอกาสที่ยังมีอยู่มากในประเทศ เพื่อสร้างรายได้ สร้างโอกาส สร้างศักดิ์ศรี และสร้างความสุขให้กับบุคคลเหล่านี้ และเป็น 1 ในการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม ช่วยลดปัญหาของสังคมอย่างยั่งยืน

“สิ่งที่น่าห่วงในตลาดคอนโดปีนี้ คือสต็อกสินค้าที่ขายให้ลูกค้าจีนทั้งตลาดมีหลายหมื่นยูนิต ถ้าสต็อกตัวนี้กลับเข้ามาในตลาดน่ากังวลไม่น้อย” นายโอภาส กล่าวและว่า สำหรับปีนี้ในส่วนขอแอลพีเอ็นเอง มีเป้าหมายยอดขาย 16,500 ล้านบาท เป็นคอนโด 11,000 ล้านบาท แนวราบ 3,500 ล้านบาท และเป้ารายได้ 12,000 ล้าน คอนโด 9,000 ล้าน แนวราบ 3,000 ล้านบาท รายได้จากค่าเช่า 1,300-1,500 ล้านบาท

นอกจากภาพรวมแนวทางของการดำเนินธุรกิจข้างต้นแล้ว นายโอภาส กล่าวว่า ในปีนี้ บริษัทยังมีแนวทางในการจัดการ Zero Waste ในกระบวนการดำเนินธุรกิจขององค์กร ทั้ง Supply Chain เบื้องต้นนำร่องด้วยการเริ่มลดใช้ขวดและพลาสติกในสำนักงานขาย ซึ่งตั้งเป้าลดให้ได้มากกว่าปีละ 5 แสนชิ้น และจะดำเนินการต่อยอดไปในโครงการ “ลุมพินี” ที่บริษัทบริหารชุมชนอยู่ รวมถึงกิจกรรมบริจาคโลหิตที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องกว่า 30 ปี โดยในปี 62 นี้ ตั้งเป้าหมายรับบริจาคให้ได้ 1.3 ล้านซีซี

Avatar photo