The Bangkok Insight

‘โกลเด้นแลนด์’ จ่ายปันผลสูงสุด ตั้งเป้าขึ้นท็อป 5 อสังหาฯไทย

 บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ โกลเด้นแลนด์ เปิดเผยผลมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 (ตุลาคม 2560 ถึง กันยายน 2561) อนุมัติจ่ายเงินปันผลต่อหุ้น 0.46 บาท 

ผลประกอบการในปี 2561 (ตุลาคม 2560 ถึง กันยายน 2561) บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้นกว่า 15,796 ล้านบาท มีกำไรรวม 2,101 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้จากการเปิดขายโครงการบ้านเดี่ยว และทาวน์โฮมทั่วกรุงเทพฯ ประสบความสำเร็จ ทั้งโครงการใหม่ และโครงการต่อเนื่อง

ล่าสุดมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 ได้อนุมัติจ่ายเงินปันผลต่อหุ้น 0.46 บาท มูลค่ากว่า 1,069 ล้านบาท หรือคิดเป็น 51% ของกำไรสุทธิ ซึ่งสูงกว่าการจ่ายเงินปันผลของปี 2560 ที่จ่าย 0.25 บาท เกือบเท่าตัว สอดคล้องกับผลการดำเนินงานของบริษัทที่เติบโตต่อเนื่อง

BF08A00E 12A0 4D00 85EF B0EA9F968C8D
นายธนพล ศิริธนชัย

นายธนพล ศิริธนชัย ประธานอำนวยการ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ โกลเด้นแลนด์ กล่าวว่า ในปี 2561 บริษัทได้เริ่มใช้งาน “โกลด์โปร – GoldPro”  ระบบสารสนเทศที่ใช้ในการจัดการและวางแผนการใช้ทรัพยากรขององค์กร พร้อมก้าวสู่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ 4.0 ตอบโจทย์โมบายออฟฟิศ “ทุกเครื่อง ทุกที่ ทุกเวลา”

พร้อมประกาศย้ายที่ทำการใหม่ไปยังโครงการสามย่านมิตรทาวน์ เพื่อรองรับการเติบโตของจำนวนพนักงาน นับตั้งแต่ปีแรกของคณะกรรมการ และคณะผู้บริหาร (ปี 2556) ซึ่งมีพนักงานเพียง 160 คน ปัจจุบันมีพนักงานแล้วกว่า 800 คน  ร่วมกันสร้างแรงบันดาลใจในบรรยายกาศใหม่ๆที่สนับสนุนการทำงานของทีมอย่างเต็มที่

บริษัทมีความเชื่อมั่นในศักยภาพทางการเงินอันแข็งแกร่งที่พร้อมเติบโต ให้บรรลุตามพันธกิจการเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่มีรายได้สูงเป็น 5 อันดับแรกของประเทศไทยภายในปี 2563”

แม้ปัจจัยภายนอก อาทิ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกา-จีน ความไม่แน่นอนทางการเมือง การปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นของงอัตราออกเบี้ย ส่งผลให้หลายบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มีการปรับลดเป้าหมาย และมีการระมัดระวังในการลงทุนซื้อที่ดินมากขึ้น 

อย่างไรก็ตาม โกลเด้นแลนด์ยังคงมีความมั่นใจกำลังซื้อของลูกค้าว่ายังคงดีอยู่ จึงตั้งเป้าหมายรายได้รวม 19,800 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 18,000 ล้านบาท โดยมีเป้ายอดขายที่ 31,400 ล้านบาท ผ่านโครงการที่เปิดขายรวม 67 โครงการแบ่งออกเป็น โครงการที่เปิดขายเดิมจำนวน 39 โครงการ และมีแผนงานเปิดโครงการในปี 2562 อีก 28 โครงการมูลค่า 33,000 ล้านบาท 

รายได้จากการให้เช่า และบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ 1,800 ล้านบาท จากการเช่าพื้นที่ของอาคารเอฟวายไอ เซ็นเตอร์ หัวมุมถนนรัชดา-พระราม 4 อาคารสำนักงาน และโรงแรมมูลค่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งมียอดผู้เช่าเต็มพื้นที่แล้ว 

นอกจากนี้บริษัทยังมีรายได้ค่าบริหารจัดการอาคารสาทรสแควร์ และอาคารปาร์คเวนเชอร์ ซึ่งบริษัทเข้าไปเป็นผู้บริหารทรัพย์สินให้กับ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โกลเด้นเวนเจอร์ (Golden Ventures REIT) บริษัทยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่ ได้แก่ โครงการสามย่านมิตรทาวน์ ซึ่งคาดว่า จะพร้อมเปิดให้บริการในไตรมาส 3 ปีนี้

73B76070 97AB 4A07 A7AC AEE2B5AAD045
นายแสนผิน สุขี

ตั้งเป้าปี’62 ปีแห่งการเก็บเกี่ยว

นายแสนผิน สุขี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงกลยุทธ์ของบริษัทว่า ในปี 2562 บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าให้เป็นปีแห่การเก็บเกี่ยวความสำเร็จ (Harvesting Success) จากความมั่นใจในความแข็งแกร่งของบริษัทฯ ด้วยฐานะทางการเงินที่ดีขึ้น จึงมีความมั่นใจกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจดังนี้

1. เดินหน้า นีโอโฮม (NEO Home) พัฒนาโดยมีแนวคิดมาจาก ความต้องการบ้านของคนเมือง ได้แก่ สวย ครบ คุ้ม และใกล้เมือง ในระดับราคา 4-6 ล้านบาท แต่ได้ฟังก์ชัน ความสวยงาม และสิ่งอำนวยความสะดวก เทียบเท่าบ้านระดับราคาแพง นีโอโฮม จึงเป็นบ้านที่เข้ามาทดแทนความต้องการบ้านเดี่ยวในเมืองที่ราคา 7-10 ล้านบาท ได้อย่างลงตัว

2. ขยายตลาดและเพิ่มโครงการ ทาวน์โฮม (Townhome) พร้อมบุกทำเลใหม่ๆ ที่โกลเด้น ทาวน์ ยังไม่ได้เข้าไปทำตลาด หรือยังไปไม่ทั่วถึง อาทิ กรุงเทพฯ โซนเหนือ (เขตจตุจักร บางซื่อ ลาดพร้าว หลักสี่ ดอนเมือง สายไหม และบางเขน)

กรุงเทพฯ โซนตะวันออก (เขตบางกะปิ สะพานสูง บึงกุ่ม คันนายาว ลาดกระบัง มีนบุรี หนองจอก คลองสามวา และประเวศ) เป็นต้น

3. สร้างรายได้บ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้น ตลาดบ้านเดี่ยวยังคงมีความต้องการ ในปี 2562 บริษัทปรับเป้ารับรู้รายได้ ของบ้านเดี่ยวจาก 4,000 กว่าล้านบาท ในปีนี้เพิ่มขึ้นอีก 25% เป็น 5,000 ล้านบาท ในปี 2562

โดยจะมีการขยายตลาดบ้านเดี่ยวระดับราคา 7-10 ล้านบาท ในทำเลเมืองชั้นใน อาทิ รามอินทรา, ศรีนครินทร์, บางแค, เพชรเกษม เป็นต้น

4. ขยายตลาดซิตี้โฮม (City Home) บ้านที่เน้นทำเลในเมือง  โดยไม่จำกัดว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว หรือ บ้านแฝด หรือทาวน์โฮม แต่เป็นบ้านที่มีฟังก์ชันครบตามสไตล์ โกลเด้นแลนด์ และอยู่ในเมือง อาทิ ย่านสาทร, พระราม 3, ลาดพร้าว, แจ้งวัฒนะ เป็นต้น โดยกำหนดโครงสร้างราคาขายในระดับ 10-20 ล้านบาท

5. ขยายตลาดต่างจังหวัด จาก 2 โครงการในต่างจังหวัดทีได้เปิดการขายไปแล้ว คือ โกลเด้น ทาวน์ ศรีราชา-อัสสัมชัญ และ โกลเด้น ทาวน์ อยุธยา  ในปี 2562 บริษัทยังคงต่อยอดพัฒนาโครงการในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นอีก 5 โครงการ ในทำเลที่เหมาะสม อาทิ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา เชียงราย เป็นต้น โดยพิจารณาทำเลจาก เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ หรือ ECC ย่านเมืองอุตสาหกรรม รวมถึงการพัฒนาโครงการร่วมกับพื้นที่ของ Big C เป็นต้น

78B88654 D2E6 4525 9C4B F53B0FA39E48
โครงการแนวราบของโกลเด้นแลนด์

6. เปิดครบอาณาจักร โกลเด้น เอ็มไพร์ ทั้ง 3 แห่ง คือ ลาดพร้าว บางแค และสาทร ที่ขายหมดในปีนี้ จะมารับรู้รายได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยมากขึ้นในปี 2562 และยังมีแผนเปิดอาณาจักร โกลเด้น เอ็มไพร์ให้ครบมากขึ้น ในทำเลต่างๆ

ต่อไปลูกค้าจะสามารถเลือกโครงการในอาณาจักร โกลเด้น เอ็มไพร์ได้ที่ สาทร, บางแค, ลาดพร้าว, แจ้งวัฒนะ และเชียงราย

7. พัฒนาระบบรองรับการเติบโต พัฒนานวัตกรรม พัฒนาระบบ ให้ดีกว่าและเร็วยิ่งขึ้น” จากการที่บริษัท เติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ในปี 2562 บริษัทมีแผนที่จะพัฒนานวัตกรรมสำหรับการอยู่อาศัยซึ่งนับเป็นจุดแข็งของโกลเด้นแลนด์อยู่แล้ว ให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

พร้อมกับพัฒนาระบบสารสนเทศ การบริหารจัดการด้านต่าง ๆ ภายในองค์กร เพื่อรองรับการเติบโตของบริษัท สร้างมาตรฐานในการปฏิบัติงาน การบริหารงานก่อสร้าง การบริการลูกบ้านและลูกค้า ให้มีความรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

Avatar photo