“แลนด์แอนด์เฮ้าส์” ประเมินตลาดคอนโดชะลอเปิดใหม่ หลัง 2 ปีก่อนแห่ผุดโครงการร่วมทุน รอดูดีมานด์หลังมาตรการคุมเข้ม LTV ปีนี้ไม่เปิดคอนโดใหม่ ลุยขยายแนวราบ 16 โครงการ ตั้งเป้ารายได้ 3.7 หมื่นล้าน จากอสังหาฯเพื่อขาย-ค่าเช่า
นายอดิศร ธนนันท์นราพูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าแนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยปีนี้เรื่องดีมานด์ยังตอบได้ยาก เพราะต้องรอดูมาตรการธนาคารแห่งประเทศไทย เข้ามาควบคุมอัตราส่วนสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านเทียบกับมูลค่าบ้าน (LTV) ส่วนฝั่งซัพพลายในกลุ่มคอนโดมิเนียมจะ “ลดลง” แน่นอน เพราะกำลังซื้อจากกลุ่มต่างชาติและนักลงทุนไทยต้องเรียกว่า “ไม่นิ่ง” ส่วนกำลังซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงต้องรอดูหลังมาตรการจำกัด LTV
ทางด้าน นายนพร สุนทรจิตต์เจริญ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าตลาดที่อยู่อาศัยปี 2561 คาดมีจำนวน 97,800 หน่วย เพิ่มขึ้น 3.9% เมื่อเทียบกับทั้งปี 2560 ที่มีจำนวน 94,159 หน่วย มองว่าตลาดที่อยู่อาศัยปี 2562 กลุ่มคอนโดเปิดใหม่จะชะลอตัวลง เนื่องจาก 2 ปีที่ผ่านมามีโครงการร่วมทุนของผู้ประกอบการไทยกับกลุ่มทุนต่างชาติมาลงทุนเปิดโครงการใหม่จำนวนมากและยังมีซัพพลายอยู่ในตลาด
“ทิศทางตลาดที่อยู่อาศัยปีนี้ คงต้องรอดูหลังมาตรการจำกัด LTV บังคับใช้ในเดือนเมษายน เพื่อรอดูแนวโน้มกำลังซื้อ มองว่าปีนี้การซื้อเพื่อลงทุนและต่างชาติในตลาดคอนโดจะลดลง เพราะมีการซื้อไปล่วงหน้าจำนวนมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา”
แลนด์ฯเปิดแนวราบ-ชะลอคอนโด
นายนพร กล่าวอีกว่าบริษัทตั้งเป้าหมายเปิดขายโครงการใหม่ปีนี้ 16 โครงการ มูลค่ารวม 29,960 ล้านบาท โดยเป็นโครงการแนวราบทั้งหมด แบ่งเป็นโครงการในกรุงเทพฯและปริมณฑล 14 โครงการ และต่างจังหวัด 2 โครงการ เชียงใหม่ และอยุธยา คาดยอดขาย (Presale) ปีนี้ 33,000 ล้านบาท
“ปีนี้เป็นปีแรกในรอบหลายปี ที่แลนด์ฯ ไม่มีโครงการคอนโดเปิดใหม่ เพราะมองว่าซัพพลายในตลาดคอนโดยังอยู่ในมือผู้ประกอบการอีกมาก แต่ละปีบริษัทจะเปิดตัวคอนโดใหม่ไม่มากอยู่แล้ว ปีละ 3-4 โครงการเท่านั้น ส่วนใหญ่เน้นแนวราบในกลุ่มราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป”
จากแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในปีนี้ ส่งผลให้บริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและขายเพิ่มเป็น 86 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 86,000 ล้านบาท โดยมียอดขายรอโอน (Backlog) รวมมูลค่า 10,000 ล้านบาท คาดทยอยรับรู้รายได้ปีนี้ 6,000 ล้านบาท
ทางด้านงบลงทุนปีนี้วางไว้ 10,000 ล้านบาท โดยจะใช้ซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขาย 7,000 ล้านบาท และพัฒนาโครงการเทอร์มินอล พระราม 3 อีก 3,000 ล้านบาท ปัจจุบันโครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างก่อสร้างและคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการต้น ปี 2564
ปี 2562 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ 37,000 ล้านบาท เติบโตประมาณ 10% มาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย 32,000 ล้านบาท แบ่งเป็น แนวราบ 90% และคอนโด 10% ส่วนรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า คือ อพาร์ทเมนท์ในสหรัฐ ,โรงแรมและศูนย์การค้าเทอร์มินอล รวมอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท เติบโต 35-36%
แนวทางการดำเนินธุรกิจของแลนด์ฯ จะเป็นโฮลดิ้ง ที่มีรายได้ประจำจากค่าเช่าและรายได้จากอสังหาฯเพื่อขาย นอกจากนี้ยังมีรายได้จากการลงทุนถือหุ้นในบริษัทอื่นๆ
ขายอพาร์ทเมนท์ทำกำไร
นายอดิศร กล่าวเพิ่มเติมว่าปีที่ผ่านมาบริษัทได้ขายอพาร์ทเมนท์ The Domain Residence รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐ ไป 1 แห่ง ราคา 140 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 4,480 ล้านบาท โดยมีกำไรก่อนภาษีประมาณ 41.17 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1,317 ล้านบาท
ปัจจุบันบริษัทยังมีอพาร์ทเมนท์ ในสหรัฐ อีก 4 โครงการ รวมมูลค่า 450 ล้านดอลลาร์ โดยจะทยอยขายตั้งแต่ปี 2563-2566 ปีละ 1 โครงการ ซึ่งเป็นไปตามแผนการลงทุนของบริษัท หลังจากเข้าลงทุนตามมูลค่าราคาตลาดของสินทรัพย์นั้นๆ 4-5 ปี เมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้นก็จะนำมาขายทำกำไร
อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทมีแผนออกหุ้นกู้อีก 2 ครั้ง มูลค่ารวม 12,000 ล้านบาท โดยจะเสนอขายในช่วงครึ่งปีแรก จำนวน 7,000 ล้านบาท และครึ่งปีหลังจำนวน 5,000 ล้านบาท เพื่อทดแทนหุ้นกู้เดิมที่จะครบกำหนดอายุมูลค่า 10,000 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
