สำนักข่าวอินโฟเควสท์ รายงานว่านายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) คาดว่าภายในเดือนนี้นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง จะพิจารณาเห็นชอบแผนการควบรวมกิจการระหว่างธนาคารทหารไทย (TMB) กับธนาคารธนชาต (TBANK) ก่อนที่จะนำเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติ หากครม.อนุมัติแล้วทั้ง 2 ธนาคารสามารถเริ่มกระบวนการควบรวมกิจการกันได้ทันที เชื่อว่าจะแล้วเสร็จภายในรัฐบาลชุดนี้
การควบรวมระหว่าง 2 ธนาคารนี้ สคร. และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้มีการหารือร่วมกันมาต่อเนื่อง การควบรวมต้องไม่ส่งผลให้กระทรวงการคลังในฐานะที่เป็นผู้ถือหุ้นของ TMB เสียเปรียบ สาเหตุที่จำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมครม. เนื่องจาก TMB ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจ แต่ถือเป็นหลักทรัพย์ที่รัฐถือครองอยู่
อย่างไรก็ดี ภายหลังควบรวมกิจการกันแล้ว กระทรวงการคลังก็จะยังถือหุ้นในธนาคารใหม่ต่อไป ส่วนจะถือในสัดส่วนเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับรายละเอียดการควบรวม ขณะที่ชื่อของธนาคารภายหลังจากการควบรวมแล้วยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะใช้ชื่ออะไรนายประภาศ กล่าวว่ากระทรวงการคลังมีนโยบายให้ธนาคารพาณิชย์ควบรวมกัน เพื่อที่จะมีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อช่วยลดต้นทุนการบริหารงาน เนื่องจากสถาบันการเงินต้องมีการลงทุนสูงในการปรับปรุงบริการในยุคดิจิทัล ดังนั้นจึงเกรงว่าธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็ก อาจไม่สามารถรับภาระได้ และจะส่งผลกระทบต่อการแข่งขันในอนาคต การควบรวมกิจการของธนาคารพาณิชย์จึงถือเป็นเรื่องดีของทั้งธนาคารและระบบการเงินของประเทศ รวมถึงเศรษฐกิจของประเทศด้วย
ก่อนหน้านี้ นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาระบุถึงกรณีข่าวการควบรวมกิจการระหว่างTMB กับธนาคารธนชาต ว่าถ้าการควบรวมแล้วทำให้สถาบันการเงินสามารถตอบโจทย์ในเรื่องการให้บริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวดเร็วขึ้น ตอบสนองต่อเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปได้มากขึ้น ทางธปท.ก็สนับสนุน แต่ต้องหารือถึงแผนการควบรวมว่าจะดูแลผู้บริโภคอย่างไรด้วย