รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ให้ไประงับแกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ได้มีการนำที่ดินส.ป.ก.ไปหาเสียง
โดยนายกรัฐมนตรี ไม่พอใจอย่างมาก และสาธารณะชนทราบกันดีแล้วว่า กฎหมายปฏิรูปที่ดินมีเจตนารมณ์ การใช้ที่ดินรัฐป้องกันไว้เพื่อเกษตรกรรมและผู้ยากไร้ ยังได้ย้ำในการประชุมครม.ว่า กฎหมายไม่เปิดช่องให้แก้กรรมสิทธิ์ในที่ดิน ส.ป.ก.4-01 ยกเว้นโอนให้ทายาท ของเกษตรกรที่ถือครองเดิม
พร้อมกันนี้ ได้สั่งนายกฤษฏา บุญราช รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้เร่งรัดการพัฒนาพื้นที่ที่ดินส.ป.ก. เพิ่มรายได้กับเกษตรกร สามารถเลี้ยงครอบครัวได้ ห้ามนำที่ดินส.ป.ก. ไปซื้อขายเปลี่ยนมือ และใช้กฎหมายส.ป.ก.อย่างเคร่งครัด เพื่อรักษาที่ดินกว่า 35 ล้านไร่ 7 ล้านครัวเรือน ไว้ให้เกษตรกรและผู้ยากไร้ไม่มีที่ดินได้เข้าทำกิน
ทั้งนี้ ความไม่พอใจดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจากพรรคพปชร. เดินสายหาเสียงในพื้นที่ภาคอีสาน โดยใช้นโยบายเปลี่ยนที่ดินส.ป.ก.4-01 ให้เป็น “ที่ดินทองคำ” โดยเสนอให้รัฐบาลหน้าแก้กฎหมายให้เปลี่ยนมือซื้อขายได้
นโยบายดังกล่าว นำเสนอโดยนายสุชาติ ตันเจริญ คณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร ส.ส. พรรคพปชร. แกนนำกลุ่ม 16 ที่เคยอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ว่า เอาที่ส.ป.ก.ไปแจกคนรวย แต่กลับไปนำประเด็นที่เคยโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ไว้ มาเป็นจุดขาย จึงทำให้เกิดกระแสตีกลับ ทำให้เสียคะแนนนิยมรัฐบาลคสช.อย่างแรง
ทั้งนี้จากทะเบียนคนที่ครอบครองที่ส.ป.ก.ปัจจุบันตัวเลข ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2561 ของ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) พบว่า ที่ดินทุกประเภททั่วประเทศ ทั้งที่เกษตรกรรม ที่ชุมชน และที่ดินเอกชน มีรวมทั้งสิ้นกว่า 2.8 ล้านราย จำนวนกว่า 3.6 ล้านแปลง รวมกว่า 36 ล้านไร่
แบ่งออกเป็น ภาคเหนือกว่า 7 แสนจำนวนกว่า 9.2 แสนแปลง จำนวน 8.2 ล้านไร่ ภาคอีสาน 1.5 ล้านราย จำนวนกว่า 1.9 ล้านแปลง จำนวน 18 ล้านไร่ ภาคกลางกว่า 3.2 แสนราย จำนวน 4.1 แสนแปลง จำนวนกว่า 5.6 ล้านไร่ และ ภาคใต้กว่า 2.5 แสนรายจำนวนกว่า 3.6 แสนแปลง รวมกว่า 3.7 ล้านไร่
