Economics

ขสมก. เล็งใช้น้ำมัน B20 บนรถเมล์ทุกคัน เชื่อช่วยลดมลพิษได้ 15%

นายประยูร ช่วยแก้ว  รักษาการผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ขสมก. ได้ทดลองใช้น้ำมันดีเซลผสมน้ำมันปาล์ม 20% (B20) กับรถโดยสารธรรมดา (รถเมล์ร้อน) ยี่ห้อฮีโน่  มิตซูบิชิ และอีซูซุ  จำนวน 17 คัน เมื่อช่วงเดือนตุลาคม – ธันวาคม 2561 ซึ่งผลการทดลองพบว่าน้ำมันดีเซล B20 มีอัตราการสิ้นเปลืองใกล้เคียงกับน้ำมันดีเซลผสมน้ำมันปาล์ม 7% (B7) ที่ ขสมก.ใช้อยู่ในปัจจุบัน  อีกทั้งยังมีค่าควันดำอยู่ในเกณฑ์ปกติ และค่ามลพิษ (CO2) ลดลง 15 %  จึงส่งผลทำให้ค่ามลพิษในอากาศภาพรวมลดลงด้วย

ขสมก. จึงจะขยายผลการใช้น้ำมันดีเซล B20 กับรถเมล์ร้อน และ รถโดยสารปรับอากาศ (รถเมล์แอร์) โดยปัจจุบัน ขสมก. มีรถเมล์ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงทั้งหมด 2,075 คันและจะปรับเปลี่ยนมาใช้น้ำมันดีเซล B20 ทั้งหมด โดยแบ่งการดำเนินงานเป็น 2 ระยะ

  • ระยะที่ 1 ใช้กับรถเมล์ร้อน ยี่ห้อฮีโน่ และมิตซูบิชิ จำนวน 815 คัน ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (15 ม.ค.)
  • ระยะที่ 2 ใช้กับรถเมล์ร้อน ยี่ห้อมิตซูบิชิ และอีซูซุ, รถเมล์แอร์ ยี่ห้ออีซูซุ และฮีโน่, รถเมล์แอร์ยูโรทู ยี่ห้ออีซูซุ เบนซ์ และแดวู จำนวน 1,260 คัน ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2562 เป็นต้นไป

รถเมล์

นายประยูร กล่าวต่อว่า ปัจจุบัน ขสมก. มีปริมาณการใช้น้ำมันดีเซล B7 เดือนละประมาณ 5.5 ล้านลิตรหรือปีละ 66 ล้านลิตร เมื่อ ขสมก.เปลี่ยนมาใช้น้ำมันดีเซล B20 ซึ่งมีราคาถูกกว่า B7 ลิตรละ 3 บาท จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงให้กับ ขสมก. เดือนละ 16.5 ล้านบาท หรือปีละ 198 ล้านบาท  อีกทั้ง ยังช่วยเกษตรกรชาวสวนปาล์ม สามารถนำน้ำมันปาล์มมาใช้ เป็นส่วนผสมในการผลิตน้ำมันดีเซล B20 ได้ปีละประมาณ 8.58 ล้านลิตร

อย่างไรก็ตามการใช้น้ำมันดีเซล B20 กับรถเมล์ ขสมก.ในระยะแรก จะต้องมีการล้างน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งระบบทางเดินน้ำมัน เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง รวมทั้งมีการเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันดีเซล ไส้กรองน้ำมันเครื่อง และไส้กรองอากาศ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายคันละประมาณ 30,000 บาท

รถเมล์ไทยเจ๋ง

 

Avatar photo