Lifestyle

หมอศิริราชเเนะวิธีใช้หน้ากาก N95 ป้องกันฝุ่นละออง PM2.5

รองศาสตราจารย์นายแพทย์นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ข้อมูลเกี่ยวกับฝุ่นละออง PM 2.5 ที่เกิดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยเเนะนำวิธีป้องกันโดยการใช้หน้ากากอนามัย N95 อย่างถูกวิธี

50508752 10156946505630522 2812306544895459328 o 1

PM2.5 คืออะไร

PM2.5 คืออนุภาคขนาดเล็กที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางเฉลี่ยน้อยกว่า 2.5 ไมโครเมตร แขวนลอยอยู่ในอากาศรวมกับไอน้ำ ควัน และก๊าซต่าง ๆ เนื่องจาก “เจ้าตัวน้อย” นี้มีขนาดเล็ก  เมื่อแผ่รวมกันแล้วจะมีพื้นผิวรวมกันมากมหาศาล ทำให้มันสามารถนำพาสารต่าง ๆ ล่องลอยในบรรยากาศรอบตัวเราได้ในปริมาณสูง ทำให้เกิดเป็นหมอกควัน โดยตัวมันเองและสารหลายชนิดที่อยู่บนผิวของมัน ถือเป็นมลพิษต่อสุขภาพของมนุษย์ ตามที่องค์การอนามัยโลกให้ความสำคัญและส่งสัญญาณเตือนภัยมานานแล้ว

เจ้าตัวน้อยนี้มาจากไหน

แหล่งสำคัญของ PM2.5 ในบรรยากาศ คือ การเผาไหม้เชื้อเพลิงธรรมชาติที่ไม่สมบูรณ์ และฝุ่นจากการก่อสร้าง ซึ่งจะมีการผลิตขึ้นใหม่ในทุกวัน แต่มันจะสะสมได้ง่ายถ้ามีการผลิตมากขึ้นและฟุ้งกระจายออกไปได้น้อยลง ตัวอย่างคือ “เชียงใหม่” ในช่วงต้นปีของทุกปีที่มีการเผาพื้นที่เกษตรกรรมกันมาก และตัวเมืองมีภูเขาล้อมรอบจึงเป็นแอ่งกระทะที่ขังเจ้าตัวน้อยได้ง่าย แต่ใน “กรุงเทพฯ” ของเรา มีการผลิตอนุภาคนี้ทุกเมื่อเชื่อวัน โดยเฉพาะจากยานพาหนะในท้องถนน แต่ในช่วงปลายปีถึงต้นปีจะเกิดสภาวะ “การตกตะกอน” เมื่ออุณหภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงเร็วร่วมกับความชื้นสูงและลมอับ อีกทั้งการมีตึกสูงจำนวนมากทำให้ตัวเมืองเหมือนเป็นแอ่งกระทะกลาย ๆ เจ้าตัวน้อยจึงวนเวียนอยู่มากในช่วงกลางคืน แล้วค่อย ๆ จางหายไปเมื่อพระอาทิตย์ทำงานส่องสว่างเต็มที่

49822847 10156946505635522 536197903509618688 o

มีผลต่อสุขภาพของมนุษย์อย่างไร

เนื่องจากขนาดที่เล็กของเจ้าตัวน้อย ทำให้เมื่อมันถูกมนุษย์สูดผ่านรวมเข้าไปกับลมหายใจ สามารถผ่านลงไปได้ลึกจนถึงถุงลม ที่เป็นส่วนปลายสุดของปอดเราได้ ทำให้เกิดปฏิกิริยาต่อหลอดลมฝอย และถุงลมที่เราหวงแหนเป็นหนักหนา และด้วยคุณสมบัติขนาดจิ๋วจนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า

บางส่วนของมันจึงเล็ดรอดผ่านผนังถุงลมแล้วไชชอนผ่านเส้นเลือดฝอยเข้าสู่กระแสโลหิต และกระจายตัวแทรกซึมไปทั่วร่างกายของเราได้ ความร้ายกาจของมันต่อปอดของเรา เป็นผลจากการกระตุ้นให้เกิดสารอนุมูลอิสระ ลดระบบแอนตี้ออกซิแดนท์ รบกวนดุลแคลเซียมจนทำให้เกิดการอักเสบ และกระตุ้นยีนที่เกี่ยวข้องกับการหลั่งสารอักเสบ ซึ่งเป็นอันตรายต่อเนื้อเยื่อของตัวเราเอง จนเกิดผลร้ายที่สาคัญ 3 ประการคือ
1. ทำให้คนที่มีโรคระบบการหายใจเรื้อรังเกิดอาการกำเริบ ทั้งโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ โรคหืด และ โรคถุงลมโป่งพอง
2. ทำให้คนที่มีโรคระบบหัวใจและหลอดเลือดเรื้อรังเกิดอาการกำเริบ โดยเฉพาะโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
3. ในระยะยาวส่งผลให้การทำงานของปอดถดถอย จนอาจทำให้เกิดโรคถุงลมโป่งพองได้แม้จะไม่สูบบุหรี่ก็ตาม และอาจมีส่วนทำให้เกิดมะเร็งปอดได้เพิ่มขึ้น

มีคำแนะนำในการลดปริมาณ “เจ้าวายร้ายตัวน้อย” ในบรรยากาศได้อย่างไร

พวกเราเหล่า “ประชารัฐ” สามารถร่วมไม้ร่วมมือควบคุมแหล่งกำเนิดของมันได้โดย
1. ลดการใช้ยานพาหนะส่วนตัว ส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ
2. ใช้เครื่องยนต์ที่มีการเผาไหม้อย่างสมบูรณ์มากที่สุด และมีเครื่องมือดักจับอนุภาคที่หลงเหลือไม่ให้กระจายตัวออกมา
3. ควบคุมกระบวนการก่อสร้างให้มีฝุ่นน้อยที่สุด รื้อถอนและทำลายสิ่งก่อสร้างที่ไม่ใช้งานแล้วอย่างถูกวิธี
4. หลีกเลี่ยงการเผาป่า เผาพื้นที่เพื่อเตรียมการทำเกษตรกรรม เผาขยะและวัสดุเหลือใช้

S 22241369

แล้วคนทั่วไปจะสามารถป้องกันตนเองได้อย่างไร

ช่วงที่มีค่า PM2.5 ในอากาศสูงเกินค่าปกติขององค์การอนามัยโลก คือ 25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ของกรมควบคุมมลพิษ เรายังใช้ที่ค่า 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) ผู้ป่วยที่เป็นโรคระบบการหายใจหรือโรคหัวใจเรื้อรังไม่ควรออกนอกบ้าน หากหลีกเลี่ยงไม่ได้และจำเป็นต้องเดินทางไปในที่สาธารณะ ให้ใส่หน้ากากพิเศษชนิดที่เรียกว่า “เอ็นเก้าสิบห้า” ซึ่งสามารถดักจับอนุภาคขนาดจิ๋วได้ถึง 0.3 ไมโครเมตร โดยต้องสวมให้ถูกต้องอย่างกระชับกับรูปหน้า

สำหรับคนทั่วไปที่จำเป็นต้องออกนอกบ้านให้อย่างน้อยใส่ “หน้ากากอนามัย” ที่ยังพอกรองอนุภาคขนาดประมาณ 2-3 ไมโครเมตรได้ โดยต้องใส่ให้ถูกต้องเช่นกัน คือ หันด้านที่เป็นสีเขียวและเป็นมันกว่าออกด้านนอก และให้ส่วนที่มีแผ่นเสริมความแข็งแรงและช่วยการเข้ารูปอยู่ด้านบนของจมูก

“คืนอากาศบริสุทธิ์ให้พวกเราสูดหายใจ ควบคุมตัวร้าย PM2.5 ไม่ให้เกินมาตรฐาน”

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight