Business

ไทยเร่งเมียนมา พัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย

asean connectivity

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พบหารือกับ นายอู วิน มยิน ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา พร้อมเสนอให้เมียนมาเร่งกระบวนการลงทะเบียนแรงงานให้แล้วเสร็จ และเร่งเจรจา 3 ฝ่ายคือ ไทย เมียนมา และญี่ปุ่น เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย

ทั้งนี้ เขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและท่าเรือน้้าลึกทวายเป็นส่วนหนึ่งของแผนแม่บทการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมขนส่งของอาเซียน (ASEAN Connectivity) ซึ่งได้รับการผลักดันจากกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้้าโขง และญี่ปุ่นมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเปิดเส้นทางการค้าและประตูเชื่อมเศรษฐกิจฝั่งตะวันตกแห่งใหม่ตามแนวระเบียงเศรษฐกิจตอนใต้ของอนุภูมิภาคลุ่มน้้าโขง หรือ Greater Mekong Sub-region (GMS) โดยท่าเรือน้ำลึกทวายจะเป็นประตูการค้าฝั่งตะวันตกของภูมิภาค สร้างทางลัดโลจิสติกส์เชื่อมโยงภูมิภาคอาเซียนกับโลกตะวันออกและโลกตะวันตก สู่ตลาดในเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง แอฟริกา และยุโรป

ASEAN Connectivity

สำหรับโครงการทวายเป็นโอกาสสำคัญของประเทศไทยในการเปิดพื้นที่เศรษฐกิจแห่งใหม่ร่วมกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่สำคัญ มีระยะทางชายแดนติดต่อกับประเทศไทยยาวที่สุดกว่า 2,200 กิโลเมตร ทั้งนี้ รัฐบาลไทยและรัฐบาลเมียนมามีความร่วมมือเพื่อสนับสนุนโครงการทวายมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 โดยในปี พ.ศ. 2555 มีข้อตกลงระหว่างประเทศ (MOU) ว่าด้วยการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง เพื่อแสดงเจตนารมณ์ร่วมกัน ในการผลักดันโครงการพัฒนาท่าเรือน้้าลึกทวาย นิคมอุตสาหกรรม และเส้นทางคมนาคมเชื่อมโยงพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษทวายกับชายแดนไทยให้เกิดผลเป็นรูปธรรม

ความคาดหวังจากการเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือดังกล่าวจะนำไปสู่การเร่งกระบวนการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับพื้นที่ให้เติบโตและเข้มแข็งขึ้นในเวทีการค้าโลก ซึ่งจะก่อให้เกิดการสร้างงานและจ้างงานในพื้นที่และระดับประเทศ ยกระดับฝีมือแรงงานสู่ระดับสากล ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ในขณะเดียวกันเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายจะเป็นทางเลือกสำหรับการก่อตั้งฐานทางธุรกิจแห่งใหม่ที่จะสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยในทุกระดับให้มีส่วนร่วมในการพัฒนาตามแนวระเบียงเศรษฐกิจและพื้นที่ในลักษณะที่เกื้อกูลกัน เป็นโอกาสในการขยายฐานการผลิตอุตสาหกรรมเชื่อมโยงกิจกรรมตามห่วงโซ่อุปทานกับพื้นที่เศรษฐกิจอื่นๆ ของไทย อีกทั้งจะสร้างโอกาสสนับสนุนความมั่นคงด้านพลังงานให้ไทยในอนาคตอีกด้วย

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight