นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง กล่าวว่า วันที่ 19 มกราคม2562 ทางกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง พร้อมจะชุมนุมต่อ โดยกำหนดเส้นตายให้รัฐบาลภายในวันที่ 18 มกราคมนี้ ให้ประกาศ พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง อย่างช้าควรอยู่ในห้วงวันที่ 10 มีนาคม 2562 เป็นกรอบที่อยู่ในช่วง 150 วัน ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่าล่าสุด พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง นายสิรวิชญ์ กล่าวว่า ผบ.ทบ.พูดจาแบบนี้ไม่ได้ เป็นทหารอย่ามาโจมตีประชาชนแบบลับหลัง ทางกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง พยายามชุมนุมไม่ให้กระทบกระเทือนต่อสิทธิเสรีภาพของคนอื่นอยู่แล้ว การจัดการชุมนุมก็เป็นเพียงระยะสั้น
ส่วน น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือโบว์ แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง กล่าวว่า ช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ผ่านมา รัฐบาลได้กล่าวโจมตีกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ยังถูกกลั่นแกล้งเรื่องระดับเสียงของเครื่องเสียง เป็นเหมือนกลไกที่พยายามดิสเครดิตทุกวิถีทาง ทางกลุ่มพยายามสื่อสารเหตุผลของการไม่เลื่อนเลือกตั้งทุกวิถีทางคืออะไร แต่คสช. ก็พยายามจะโยงไปเรื่องอื่น จึงฝากให้ทุกคนจับตาดูว่าการเลื่อนเลือกตั้ง จนอาจทำให้ผลการเลือกตั้งเป็นโมฆะ ใครจะได้ประโยชน์
อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มฯมีข้อเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งประกาศ พ ร.ฎ.วันเลือกตั้งภายในวันที่ 18 มกราคมนี้ หากไม่มีความชัดเจนวันที่ 19 มกราคม 2562 ทางกลุ่มฯก็จะออกมาชุมนุมต่อ แต่จะชุมนุมอย่างสันติวิธี และสถานที่ก็เป็นบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ส่วนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี เชิญตัวตนไปพูดคุยเรื่องความดังของเครื่องขยายเสียงในวันที่ชุมนุมที่แยกราชประสงค์ เมื่อค่ำวันที่ 13 มกราคม ที่ผ่านมา เนื่องจากดังถึง 120 เดซิเบล ซึ่งปกติกำหนดไว้ 115 เดซิเบลนั้น เนื่องจากตนได้นำหลักฐานเป็นคลิปวีดีโอที่เครื่องวัดระดับเสียง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงให้ถ่ายข้อมูลจากเครื่องอัดเสียงมาก่อน เพื่อจะได้ดูว่าช่วงที่เสียงดังเป็นช่วงใด และแหล่งกำเนิดเสียงมาจากอะไร เพราะช่วงปราศรัยเสียงจะดัง 80-90 เดซิเบล แต่เจ้าหน้าที่อ้างว่ามีช่วงหนึ่งที่ดังเกินไป
ทั้งนี้ ระหว่างการชุมนุมมีการใช้เครื่องเสียงของเจ้าหน้าที่ และเสียงไซเรนรถพยาบาล เจ้าหน้าที่ก็ให้ความเป็นธรรมว่า เอาข้อมูลมาตรวจดูกันก่อน จึงยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา โดยเครื่องขยายเสียง ยังถูกอายัดไว้
น.ส.ณัฏฐา กล่าวว่า การชุมนุมโดยสันติวิธี ตามสิทธิเสรีภาพ และสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ลองนึกภาพบ้านเมืองที่ไม่มีการชุมนุม เราจะเกิดทรราชย์ที่ใช้อำนาจได้อย่างตามอำเภอใจ โดยเฉพาะสภาที่ไม่มีฝ่ายค้านและสื่อมวลชนไม่มีเสรีภาพ การชุมนุมเป็นช่องทางในการสื่อสารที่จำเป็น เรามาชุมนุมปราศจากอาวุธ ไม่มีการยุยงปลุกปั่น ตอนนี้ทางรัฐบาลพยายามทำให้สังคมเห็นว่า การชุมนุมเป็นเรื่องผิดปกติ ทั้งที่เป็นสิทธิ์ขั้นพื้นฐานในระบอบประชาธิปไตย ถ้าสังคมตั้งหลักตรงนี้ไม่ได้เราก็จะเกิดการปิดปากกันเองด้วยการบอกว่าการชุมนุมเป็นสิ่งเลวร้าย