ทำเนียบขาวและสมาชิกระดับแกนนำของพรรครีพับลิกันออกโรงปกป้องประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังรายงานของสำนักงานสืบสวนสอบสวนกลางสหรัฐ (เอฟบีไอ) ระบุว่า มีความน่าสงสัยว่าทรัมป์ “ทำงานให้รัสเซีย”
ทำเนียบขาว แถลงวานนี้ (14 ม.ค.) ถึงรายงานของสื่องท้องถิ่นที่ระบุว่า เอฟบีไอต้องการให้สภาคองเกรสเปิดการสอบสวนผู้นำสหรัฐในเรื่องการไล่นายเจมส์ โคมีย์ ออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการเอฟบีไอ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2560 ว่า เกิดขึ้นเพื่อ “สร้างผลประโยชน์ให้กับรัสเซีย” หรือไม่
แถลงการณ์ระบุว่า เรื่องดังกล่าวเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลความจริง และว่าสื่อที่รายงานเรื่องนี้ไม่เคยแสดงหลักฐานรับรอง หรือแสดงความรับผิดชอบแต่อย่างใด
ขณะที่นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า เป็นเรื่องไร้สาระจนไม่จำเป็นต้องไห้ความสำคัญ ส่วนนายลินด์ซีย์ เกรแฮม วุฒิสมาชิกรัฐเซาท์แคโรไลนา หนึ่งในแกนนำพรรครีพับลิกัน ระบุว่า โดยส่วนตัวเขาไม่เชื่อรายงานเหล่านั้น แต่หากเป็นกรณีที่เกิดขึ้นจริง สภาคองเกรสจำเป็นต้องรับรู้
เช่นเดียวกับนายเท็ด ครูซ วุฒิสมาชิกรัฐเทกซัส แกนนำพรรครีพับลิกันอีกรายหนึ่ง ระบุว่า หากเป็นความจริง ผู้ที่เปิดประเด็นต้องแสดงหลักฐานที่มากกว่าการกล่าวหา แต่เขาเชื่อว่าชาวอเมริกันส่วนใหญ่ไม่สนใจเรื่องนี้
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ให้สัมภาษณ์ว่าเรื่องนี้เป็นการดูหมิ่นที่สุดเท่าที่เคยมีผู้สื่อข่าวถามเขานับตั้งแต่ดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐ และเขาไม่สนใจที่มีผู้เปิดเผยรายละเอียดบางส่วนของการสนทนาระหว่างเขากับปูติน ระหว่างการพบหารือกันที่กรุงเฮลซิงกิ เมืองหลวงของฟินแลนด์ เมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว
ผู้นำสหรัฐย้ำด้วยว่า การปลดนายโคมีย์ออกจากตำแหน่งเป็นเพราะอีกฝ่ายขาดศักยภาพและมีอคติ เห็นได้ชัดจากการสือสวนสอบสวนการใช้อีเมลส่วนตัวของนางฮิลลารี คลินตัน
อย่างไรก็ตาม นายดิก เดอร์บิน วุฒิสมาชิกรัฐอิลลินอยส์ของพรรคเดโมแครต แกนนำเสียงข้างน้อยของพรรคในวุฒิสภา แสดงความเห็นว่า รายงานของสื่อทำให้เกิดข้อกังขาตามมามากมาย ถึงสาเหตุที่ทรัมป์มีความสนิทสนมกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ทั้งที่ทุกฝ่ายทราบดีว่าผู้นำรัสเซียเป็นอดีตเจ้าหน้าที่คณะกรรมการความมั่นคงแห่งรัฐ (เคจีบี) ในสมัยสหภาพโซเวียต เป็นสายลับตัวจริง และไม่ควรนับเป็นเพื่อน