ราคาน้ำมันร่วงลงในวันนี้ (11 ม.ค.) ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวในการเติบโตของเศรษฐกิจโลก หลังการเจรจาระหว่างจีน กับสหรัฐ ยังมองไม่เห็นสัญญาณความคืบหน้าที่จะลดปัญหาความขัดแย้งทางการค้าลงมามาได้ แม้ประเทศผู้ผลิตภายใต้การนำของโอเปค จะลดการผลิตก็ตาม
ตลาดยังซึมซับท่าทีของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ระบุว่า เฟดมีความสามารถในการอดทนเรื่องนโยบายการเงิน
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ซื้อขายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาดสิงคโปร์ ล่าสุด เคลื่อนไหวอยู่ที่ 61.22 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 46 เซนต์ หรือ 0.75% จากระดับปิดครั้งสุดท้าย
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท ร่วงลง 34 เซนต์ หรือ 0.65% เคลื่อนไหวที่ระดับ 52.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ทิศทางราคาน้ำมันในตลาดสิงคโปร์ สวนทางกับราคาน้ำมันในตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (10 ม.ค.) ที่ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 9 ทำสถิติปิดในแดนบวกยาวนานที่สุดในรอบ 9 ปี ที่ 52.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขยับขึ้นมา 23 เซนต์ หรือ 0.4%
ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์เพิ่มขึ้น 24 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 61.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
จีนระบุว่า การหารือนาน 3 วันกับสหรัฐ ได้สร้าง “รากฐาน” ของการแก้ไขความแตกต่างด้านการค้า แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดในประเด็นสำคัญๆ มากเท่านั้น รวมถึง เรื่องกำหนดการที่สหรัฐจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 200,00
“ถ้าหากเราเจอกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ราคาน้ำมันดิบก็จะลดต่ำลง เพราะความต้องการบริโภคน้ำมันเกี่ยวข้องกับการเติบโต” นายฮิว เฟรม ผู้จัดการพอร์ทลงทุนเฟรม ฟันด์ ในออสเตรเลีย กล่าว
