Business

PTTEP โกยกำไร 1.34 หมื่นล้าน อานิสงส์น้ำมันฟื้น

“ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม” โชว์กำไรไตรมาสแรกปีนี้ เพิ่มขึ้น 8.93% ผลจากราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นต่อเนื่อง หนุนราคาขายเพิ่มขึ้น แถมบริหารต้นทุนได้มีประสิทธิภาพ เงินบาทแข็งค่า พร้อมเดินหน้าประมูลสัมปทานหมดอายุ ทั้งแหล่ง”บงกชและเอราวัณ” เร่งตัดสินใจลงทุนโครงการโมซัมบิก โรวูมา ออฟชอร์ แอเรีย วัน หวังเพิ่มปริมาณสำรอง

นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2561 มีกำไรสุทธิ 423 ล้านดอลลาร์ หรือราว 13,381 ล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 74 ล้านดอลลาร์ หรือ 21% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปีที่แล้ว ที่มีกำไรสุทธิ 349 ล้านดอลลาร์ หรือราว 12,284 ล้านบาท

pttep2
สมพร ว่องวุฒิพรชัย

กำไรที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว เป็นผลจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นบวกถึง 1,044 ล้านดอลลาร์ หรือราว 32,896 ล้านบาท และอีบิทดาสูงถึง 74%

มั่นใจคว้า ‘แหล่งบงกช-เอราวัณ’

นายสมพร กล่าวด้วยว่า PTTEP จะเดินหน้าอย่างเต็มที่ในการเตรียมประมูลแหล่งบงกชและเอราวัณหลังจากที่คณะกรรมการพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ออกประกาศเชิญชวนประมูล

ปตท.สผ. เชื่อมั่นว่าด้วยประสบการณ์และความชำนาญในฐานะที่เป็นผู้ดำเนินการมากว่า 20 ปี จะสามารถสร้างความต่อเนื่องในการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยต้นทุนที่แข่งขันได้ และสร้างผลประโยชน์ให้กับประเทศได้มากกว่า สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ ปตท.สผ.ที่จะช่วยสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ

เอราวัณ

เดินหน้าประมูลแหล่งปิโตรเลียมอ่าวไทย

นอกจากนี้ บริษัทยังพร้อมที่จะเดินหน้าเข้าร่วมการประมูลสัมปทานปิโตรเลียมในอ่าวไทยที่จะหมดอายุ เพื่อรักษาความต่อเนื่องในการผลิตก๊าซธรรมชาติ รักษาความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศ ขยายการลงทุนทั้งจากการเข้าซื้อกิจการ และลงทุนเพิ่มเติมในแปลงสำรวจปิโตรเลียม ในพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงเผยว่าในไตรมาส 1 ปี 2561

เร่งตัดสินใจลงทุนโมซัมบิก

ในส่วนของแผนงานที่เหลือของปี 2561 ปตท.สผ. ยังคงหาโอกาสการลงทุนเพิ่มเติมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตะวันออกกลาง พร้อมทั้งผลักดันโครงการต่างๆ ที่อยู่ระหว่างรอการตัดสินใจขั้นสุดท้าย

โดยเฉพาะโครงการโมซัมบิก โรวูมา ออฟชอร์ แอเรีย วัน ซึ่งได้ลงนามในสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) กับบริษัทอีดีเอฟ ของฝรั่งเศส จำนวน 1.2 ล้านตันต่อปี

แนวโน้มผลงานขึ้นกับ 3 ปัจจัยหลัก

PTTEP ระบุถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานของ PTTEP สำหรับปี 2561 ขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ ปริมาณการขาย ราคาขายและต้นทุน โดยบริษัทได้ติดตามและปรับเปลี่ยนแนวโน้มผลการดำเนินงานสำหรับปี 2561 ให้สอดคล้องกับแผนการดำเนินงานและสภาวะอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป

สรุปประมาณการสำหรับปี 2561 ดังนี

  1. ปริมาณการขาย พยายามรักษาระดับการผลิตของโครงการในประเทศไทย โดยคาดว่าปริมาณการขายเฉลี่ยของไตรมาส 2 ปี 2561 และทั้งปี 2561 จะอยู่ที่ประมาณ 297,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน และประมาณ 300,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน
  2. ราคาขาย ราคาน้ำมันดิบของบริษัทจะผันแปรตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ส่วนราคาก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทนั้นมีโครงสร้างราคาส่วนหนึ่งผูกกับราคาน้ำมันย้อนหลังประมาณ 6-12 เดือน
    บริษัทคาดว่าราคาก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยของไตรมาส 2 ปี 2561 และทั้งปี 2561 จะอยู่ที่ประมาณ 6.3 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู เป็นผลจากการปรับตัวของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก (บนสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยทั้งปี 2561 ที่ 63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล)
  3. ต้นทุน คาดว่าต้นทุนต่อหน่วยสำหรับไตรมาส 2 ปี 2561 จะปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 31 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ และสำหรับทั้งปี 2561 จะอยู่ในช่วง 30-31 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight