ในยุคที่ “ดิจิทัล เทคโนโลยี” พัฒนาอย่างรวดเร็ว อีกทั้ง “มือถือ” ได้เข้ามามีส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันของทุกคน ส่งผลต่อไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยหนึ่งในกลยุทธ์การตลาด ปี 2562 จึงมุ่งไป Mobile Marketing แบบเต็มรูปแบบ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้ายุค 4.0 ที่ต้องการความสดวกสบายเพียงปลายนิ้วคลิก!
“โรงภาพยนตร์” เป็นอีกธุรกิจที่ “ดิจิทัล เทคโนโลยี” เข้ามามีบทบาทสำคัญ ทำให้ต้อง “ทรานส์ฟอร์ม”สู่โลกดิจิทัล ในอดีตพฤติกรรมผู้บริโภซื้อตั๋วหนังผ่าน “บ็อกซ์ออฟฟิศ” หน้าโรงหนัง แต่ในโลกเทคโนโลยีพวกเขาต้องการจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องเสียเวลาต่อคิวซื้อตั๋วหนังอีกต่อไป
นรุตม์ เจียรสนอง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาดบริษัทเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าที่ผ่านมาเมเจอร์ฯ ได้พัฒนาช่องทางการขายตั๋วหนัง ผ่านช่องทางที่ลูกค้าสามารถซื้อได้ด้วยตัวเอง ทั้งตู้ขายตั๋ว หรือ คีออสก์หน้าโรง และแอพพลิเคชั่น Major Movie Plus รองรับการจองและซื้อตั๋ว ปัจจุบันมียอดดาวน์โหลดกว่า 10 ล้านครั้ง มีกลุ่มผู้ใช้งานแอคทีฟ 1.8 ล้านรายที่เข้ามาเช็ครอบหนังทุกวัน
ปี 2561 เมเจอร์ฯ มียอดขายตั๋วรวม 35 ล้านใบ มาจากช่องทางคีออสก์ 71% บ็อกซ์ออฟฟิศ 21% และแอพพลิเคชั่น 8% พบว่าช่องทางขายตั๋วผ่านบ็อกซ์ออฟฟิศ มีสัดส่วนลดลงอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันในโรงภาพยนตร์สาขาต่างๆ ได้ลดพื้นที่ขายตั๋วบ็อกซ์ออฟฟิศลง เช่น สาขาสยามพารากอนจาก 10 ปีก่อนมี ช่องขายตั๋วบ็อกซ์ออฟฟิศ 11 ช่อง ปัจจุบันลดเหลือ 4 ช่อง เป็นการปรับเปลี่ยนการให้บริการตามไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในยุคนี้
พร้อมกันี้เมเจอร์ฯ ให้ความสำคัญตามนโยบาย Major 5.0 โดยทุกขั้นตอนของการทำงานต้องให้เป็น “ดิจิทัล” ทั้งหมด เซอร์วิสทุกอย่างที่เข้าถึงผู้บริโภคต้องอยู่ใน “มือถือ” จึงมีการพัฒนาแอพ Major Movie Plus ด้วยฟีเจอร์ใหม่ๆ อยู่ตลอด อาทิ เพิ่มช่องทางการจองตั๋วหนังและการชำระเงินออนไลน์ ได้แก่ Facebook Ticketing, Major Chat Bot, Merchants Ticketing, QR Payment, Pay by Points และ Major Quick Payment ส่งผลให้ช่องทางการจองซื้อตั๋วหนังผ่านออนไลน์เติบโตต่อเนื่อง ปัจจุบันถือเป็นแอพในกลุ่มธุรกิจบันเทิงที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุดในรอบ 10 ปีของแอพสโตร์
เปิดตัว “Super APP” 3 คลิก ได้ตั๋ว
ปี 2562 เมเจอร์ฯ ได้พัฒนาเทคโนโลยี แพลตฟอร์มขายตั๋วหนังให้มีความล้ำสมัยและอัจฉริยะมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้า โดยเดือนพฤษภาคม 2561 เมเจอร์ฯ ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุน บริษัท เอ็มเทล (ประเทศไทย) จำกัด เมเจอร์ฯ ถือหุ้น 70% ร่วมกับบริษัท เอ็มเทล โซลูชั่น จำกัด ฮ่องกง 30% เพื่อประกอบกิจการสร้างและพัฒนาซอฟต์แวร์ รวมทั้งแอพพลิเคชั่น
โดยในไตรมาสแรกปีนี้ เดือนมีนาคมพร้อมเปิดให้บริการแอพพลิเคชั่นใหม่ Major Cineplex ที่เรียกได้ว่าเป็น “Super APP” โดยนำแอพ Major Movie Plus และ M Gen มาร่วมไว้ด้วยกัน และเป็นแอพพลิเคชั่นแรกของธุรกิจโรงภาพยนตร์ที่นำระบบ AI เข้ามาเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะให้ลูกค้า เพื่อทำให้การดูหนังเป็นเรื่องง่าย สะดวก รวดเร็ว สามารถเข้าใจ และเข้าถึงพฤติกรรมลูกค้าจากการวิเคราะห์ดาด้า ที่ผู้ใช้เคยใช้งานในอดีต เพื่อนำเสนอบริการที่ตรงกับความสนใจของผู้ชม
Major Cineplex แอพพลิเคชั่นใหม่ “Super APP” พัฒนาโดย เอ็มเทล ผู้ให้บริการด้าน Digital Solution Provider อันดับหนึ่งของฮ่องกง ซึ่งเป็นผู้พัฒนาแอพ สตาร์บัคส์ 16 ประเทศ และ แอพวัตสัน ในกลุ่มประเทศอาเซียน
การพัฒนาแอพ Major Cineplex ดำเนินการโดยบริษัทร่วมทุน เอ็มเทล ประเทศไทย ที่มาร่วมพัฒนาแอพพลิเคชั่นใหม่ให้เป็น Smart Application โดยจะเชื่อมโยงบริการและประสบการณ์ด้านภาพยนตร์ทั้งหมดเข้าด้วยกัน ตั้งแต่บริการด้านภาพยนตร์ ในการค้นหาข้อมูลหนังตลอดจนการทำรายการซื้อบัตรชมภาพยนตร์และการมาใช้บริการที่โรงภาพยนตร์
นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมในการใช้งานอื่นๆ เช่น โปรโมชั่น และข้อเสนอพิเศษ รวมถึง ระบบสมาชิกที่มีสิทธิประโยชน์ และการแลกรับรางวัลต่าง ๆ ที่ผู้ใช้งานสามารถจัดการได้ด้วยตัวเองภายในแอพ ทำให้แอพเป็น Ecosystem ที่ครอบคุลมประสบการณ์ภาพยนตร์ครบทุกด้าน ซึ่งตอบโจทย์ธุรกิจในยุคปัจจุบัน ได้แก่ Big Data, Advertisers & Sponsors, Social Influence, Loyalty Program เพื่อสร้างประสบการณ์การซื้อตั๋วหนังแบบอัจฉริยะอย่างไร้รอยต่อ (Seamless Experience)
ส่องฟีเจอร์ฮอต “ซูเปอร์แอพ”
สำหรับฟีเจอร์ใหม่ของซูเปอร์แอพจะมีการเปิดตัวต่อเนื่องตลอดทั้งปีนี้ โดยจะเชื่อมโยง Ecosystem ของประสบการณ์ชมภาพยนตร์ทั้งหมด รวมททั้งให้บริการต่างๆ นอก Ecosystem ของเมเจอร์ฯ โดยฟีเจอร์ใหม่ประกอบด้วย
- Express Ticketing
ฟีเจอร์พิเศษซื้อตั๋วหนังผ่านแอพเพียง 3 คลิก ใช้เวลา 10 วินาที จะได้รับ QR Ticket เพื่อชมภาพยนตร์ เพราะระบบ AI จะช่วยจดจำพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในการชมภาพยนตร์ เพื่อเปิดแอพใช้งานจะช่วยเลือกโรงภาพยนตร์ สาขา รอบฉาย ที่อยู่ใกล้กับผู้ใช้งาน และเลือกที่นั่งไว้ให้ล่วงหน้า เดิมการคลิกซื้อตั๋วผ่านแอพจะต้องคลิก 6 ขั้นตอน ใช้เวลาประมาณ 20 วินาที จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกและรวดเร็ว ขั้นตอนที่ใช้เวลานานมีโอกาสที่ลูกค้าจะยกเลิกการใช้บริการ
- Social Seating
การจองซื้อตั๋วหนัง ด้วยรูปแบบการเลือกที่นั่ง แบบโชว์รูปโปรไฟล์ของลูกค้า ทำให้เพื่อน ๆ รู้ว่าดูหนังอยู่โรงไหน นั่งอยู่ที่นั่งหมายเลขอะไร จากฟีเจอร์ Social Seating โดยกลุ่มเพื่อสามารถจองที่นั่งใกล้กันได้ โดยฟีเจอร์นี้สามารถปิดการใช้งานได้ปกติ
- Major Live
เป็นฟีเจอร์ที่ทำให้แอพ Major Cineplex จะเป็นศูนย์รวมข้อมูลด้านภาพยนตร์ สามารถหาข้อมูลภาพยนตร์, เช็คหนังที่เพื่อน ๆ พูดถึง ร่วมทั้งร่วมทำกิจกรรมชิงรางวัล โดยมีเป้าหมายพัฒนาฟีเจอร์ Major Live ให้เป็น Social Media ของคนรักหนัง เพื่อดึงลูกค้าเข้ามาใช้เวลาอยู่กับแอพมากขึ้น นอกจากเช็ครอบและซื้อตั๋วหนัง ทำให้เมเจอร์ฯ สามารถเอ็นเกจกับลูกค้าได้มากขึ้น
- Smart Movie Assistant
แอพ Major Cineplex จะมีระบบ AI/ML ที่สามารถเรียนรู้พฤติกรรมการใช้งานของลูกค้าว่า ชอบหนังประเภทไหน เพื่อให้บริการที่ฉลาดขึ้นเรื่อยๆ ในการนำเสนอหนังในโปรแกรมต่อไป, หนังที่จะเข้าใหม่ ตลอดจนโปรแกรมหนังและโรงภาพยนตร์ที่ลูกค้าชมอยู่เป็นประจำ เป็นรูปแบบการนำเสนอบริการแบบความสนใจเฉพาะบุคคล (personalize)
- Movie Experience
เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลหนัง (Movie Information), ตัวอย่างหนัง (Trailer) และเบื้องหลังภาพยนตร์ (Insight Content) ซึ่งระบบจะช่วยบันทึกตัวอย่างภาพยนตร์ที่ลูกค้าสนใจ ตลอดจนเป็นผู้ช่วยด้านการซื้อตั๋วหนัง (Ticketing Flow) ทั้งรอบปกติ รอบขายตั๋วล่วงหน้า รวมถึงโปรแกรมพิเศษต่าง ๆ เช่น Movie on Demand, Movie Festival และคอนเสิร์ต ที่สามารถชำระผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น บัตร M Cash, บัตรเครดิต บัตรเดบิต, Online Banking, e Wallet, การแลกคะแนน และโปรโมชั่นต่าง ๆ จาก เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป และจากลูกค้าพาร์ทเนอร์ต่าง ๆ
- Digital Major Experience
ฟีเจอร์ยกระดับสิทธิประโยชน์ของสมาชิกบัตร M GEN ด้วยความหลากหลายของรางวัลที่สามารถสะสมแต้ม เช็คแต้ม และแลกของรางวัล ร่วมกับช่องทางการชำระเงินทั้ง M Cash และ Online Payment ต่าง ๆ ที่คุณสามารถจัดการได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง
หลังเปิดตัวแอพใหม่ในไตรมาสแรกปีนี้คาดว่าจะมียอดดาวน์โหลดเพิ่มขึ้นในปี 2562 อีก 5 ล้านดาวน์โหลด รวมเป็น 10 ล้านดาวน์โหลด โดยปีนี้เมเจอร์ตั้งเป้าหมายยอดขายตั๋วรวม 39.4 ล้านใบเพิ่มขึ้น 10% สัดส่วนการขายตั๋วมาจากช่องทางคีออสก์ 75% แอพ 20% จำนวน 7-8 ล้านใบ จากปีก่อนอยูที่ 2.5 ล้านใบ และบ็อกซ์ออฟฟิศ 5%
“ด้วยการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคดิจิทัล เชื่อว่าในอนาคตช่องทางขายตั๋วผ่านแอพ จะเป็นช่องทางหลักของเมเจอร์ฯ ในปี 2564 คาดการณ์อยู่ที่ 80%”
ปั้นแพลตฟอร์มขายต่างประเทศ
นรุตม์ ยังกล่าวด้วยว่าภายใต้บริษัทร่วมทุน เอ็มเทล ประเทศไทย ได้วางเป้าหมายเป็นผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม แอพพลิเคชั่นขายตั๋วภาพยนตร์ โดยซูเปอร์แอพ Major Cineplex จะเป็นต้นแบบ ที่จะนำซอฟต์แวร์ไปขายลิขสิทธิ์ในต่างประเทศ ให้กับผู้ประกอบการโรงภาพยนตร์ในต่างประเทศ ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาขายซอฟต์แวร์ให้กับกลุ่มอาเซียน
นอกจากนี้ เอ็มเทล ประเทศไทย จะเป็นผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่นในธุรกิจอื่นๆ ที่มีความเชี่ยวชาญ ทั้งกลุ่มค้าปลีก ร้านอาหาร ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งเป็นผู้ให้บริการการทำการตลาด 360 องศา ให้กับค่ายผู้ผลิตภาพนตร์ที่ต้องการถึงกลุ่มผู้ใช้งานแอพ Major Cineplex
