วายแอนด์อาร์ ประเทศไทย เปิดเผยทัศนคติคนไทยที่มีต่อแบรนด์ต่างประเทศและแบรนด์ไทย ในปี 2561 ผ่านเครื่องมือ Y&R BAV ซึ่งเป็นเครื่องมือในการพัฒนากลยุทธ์เพื่อบริหารแบรนด์ของบริษัทในเครือวายแอนด์อาร์ กว่า 94 ประเทศทั่วโลก ซึ่งถือเป็นฐานข้อมูลด้านทัศนคติต่อแบรนด์ที่ส่งผลต่อพฤติกรรมของกลุ่มผู้บริโภคใหญ่ที่สุดในโลก
โอลิเวอร์ กิตติพงษ์ วีระเตชะ ประธานอำนวยการ วายแอนด์อาร์ ประเทศไทย กล่าวว่าสำหรับประเทศไทย Y&R BAV ถูกจัดทำอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2536 ,2544,2550,2557, และ 2561 การจัดทำครั้งล่าสุดในปีนี้ ทำให้เห็นแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของแบรนด์ ทัศนคติและพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง
จากการสำรวจผู้บริโภคคนไทย อายุระหว่าง 18-65 ปี ทั่วประเทศ จำนวน 13,380 ตัวอย่าง ด้านความคิดเห็นที่มีต่อแบรนด์จำนวน 12,220 แบรนด์ ครอบคลุม 120 หมวดหมูสินค้าและบริการ
ท็อปเทนแบรนด์ในใจคนไทยปี61
การสำรวจแบรนด์ที่อยู่ในใจผู้บริโภคไทยปี 2561 ผ่านเครื่องมือ Y&R BAV กลุ่มท็อปเทน 9 ใน 10 เป็นแบรนด์ต่างประเทศ ประกอบด้วย 1.กูเกิล 2.ยูทูบ 3.แอปเปิล 4.ไลน์ 5.ไมโครซอฟท์ 6.เฟซบุ๊ก 7.อาดิดาส 8.โตโยต้า 9.ซัมซุง และ10. เวิร์คพอยท์
สำหรับ “เวิร์คพอยท์” ถือเป็นแบรนด์ไทยหนึ่งเดียวที่ติดอันดับท็อปเทนแบรนด์ในใจผู้บริโภคในครั้งนี้
พบว่า แบรนด์เทคโนโลยีติดอันดับจำนวนมากหรือ 7 ใน 10 แบรนด์ที่ติดท็อปเทน
นอกจากนี้ยังพบว่าแบรนด์ที่ติดอันดับท็อปเทน มีอายุต่ำกว่า 20 ปี สัดส่วน 50% เป็นสิ่งที่บอกว่าแบรนด์ที่อยู่มานานไม่ได้รับประกันความสำเร็จในอนาคต เพราะแบรนด์ที่อยู่ในใจผู้บริโภค คือแบรนด์ที่มี เทคโนโลยีและสปีด ในการขับเคลื่อนแบรนด์เป็นหัวใจสำคัญ
เข้าใจผู้บริโภคทางรอดแบรนด์
พบว่าใน ปี2560 มีแบรนด์ที่จดทะเบียนใหม่กับกระทรวงพาณิชย์มีจำนวน 35,809 แบรนด์ ขณะที่ 2 ปีก่อนมีจำนวน 20,000 แบรนด์ แสดงให้เห็นว่าคนไทยถูกสอนให้สร้างแบรนด์และผลิตแบรนด์มากขึ้น เพราะแบรนด์เป็นสิ่งที่สร้างคุณค่า
แต่ก็พบเช่นกันว่า ช่วงที่ผ่านมาไม่ได้มีการสอนให้ทำอย่างไรแบรนด์จึงจะอยู่ได้ ดังนั้นการเกิดขึ้นของแบรนด์ไม่ได้รับประกัน ว่าจะ”อยู่รอด” แต่แนวคิดการทำให้แบรนด์ไปถึงจุดเป้าหมายเป็นสิ่งสำคัญ
การที่แบรนด์มีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญในยุคนี้ เพราะวันนี้ ลูกค้ามีช่องทางบอกเล่าความไม่พอใจแบรนด์ผ่านสื่อโซเชียลหลากหลาย
“วันนี้รางวัลที่ลูกค้าต้องการไม่ใช่เพียงพริวิเลจจากแบรนด์ แต่ต้องการรางวัลทางสังคม ในสภาพแวดล้อมที่ผู้บริโภคใช้ชีวิตและมีปฏิสัมพันธ์”
ในยุคนี้ ลูกค้ามีสปีดที่เร็วขึ้น และแบรนด์ต้องตามให้ทัน และเจนเนอเรชั่นผู้บริโภครุ่นใหม่พร้อมที่จะเปลี่ยนใจไปจากแบรนด์ได้ตลอดเวลา ดังนั้นหลักการเรื่องแบรนด์ ลอยัลตี้ ต้องถูกคิดใหม่อยู่ตลอดเวลา สิ่งทำคัญคือต้องทำให้แบรนด์ น่าสนใจและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภค
การสำรวจ Y&R BAV ครั้งนี้มีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจเพราะดิจิทัลเข้ามาเปลี่ยนรูปการแข่งขันใหม่ การศึกษาไม่ได้ยึดกลุ่มธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง เพราะแบรนด์ที่แข็งแกร่งต้องมีความโดดเด่นนอกเหนือจากกลุ่มธุรกิจตัวเองด้วยเช่นกัน
โดยการสำรวจและวิจัยต้องทำให้เกิดข้อค้นพบที่จะท้าทายแบรนด์ แต่หลายองค์กรยังทำวิจัยในรูปแบบ เพื่อความสบายใจ และได้ผลลัพธ์ที่มายืนยันความคิดเดิมของแบรนด์ ดังนั้นนักการตลาดต้อง rethink ตลอดเวลา
