Economics

‘เอสซีจี’ มั่นใจรายได้ปีนี้ขยายตัว 5-6% ตามเป้า

รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส1

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี คาดว่า ตลาดบ้านที่อยู่อาศัย วัสดุก่อสร้างจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นหลังจากนี้ 6-9 เดือน ด้านความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคของประชาชนในภาพรวม ซึ่งพิจารณาจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์และเคมีคัลของเครือเอสซีจี ประมาณได้ว่าปรับตัวดีขึ้นเช่นกันแบบพอไปได้ ด้านการค้าชายแดนไทยภาพรวมก็ปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน เพราะตลาดประเทศเพื่อนบ้านมีการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง การลงทุนภาคเอกชนยังไม่เกิดขึ้นมาก แต่หากประเมินจากข่าวความสนใจเข้ามาลงทุนในโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) หรือการลงทุนจากต่างประเทศคาดว่าจะต้องใช้เวลาบ้าง แต่ภาครัฐมีความตั้งใจพยายามปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย เพื่ออำนวยความสะดวกนักลงทุนต่างประเทศให้เข้ามาลงทุน จึงเชื่อว่าการลงทุนจะทยอยเข้ามาและส่วนใหญ่เป็นการเข้ามาลงทุนของภาคเอกชนต่างประเทศ และเชื่อว่าภาคเอกชนในประเทศก็ติดตามและเห็นทิศทางที่ปรับตัวดีขึ้น

ทั้งนี้ ยอมรับว่า เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ เพราะต้องส่งออกมากกว่านำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ยังประมาณการปีนี้ว่ารายได้จะเติบโต 5-6% ตามเป้าหมายเดิม ซึ่งสถานการณ์เงินบาทปัจจุบันส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจส่งออกในภาพรวมของประเทศด้วยเช่นกัน สิ่งที่ผู้ประกอบการจะทำได้และเอสซีจี ดำเนินการอยู่ คือ ขยายธุรกิจไปในต่างประเทศ เช่น ลงทุนโครงการปิโตรเคมี ในเวียดนามปีนี้ลงทุน 20,000 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างไตรมาส 3-4 จากงบลงทุนภาพรวมปีนี้ 50,000-60,000 ล้านบาท พร้อมปรับปรุงความสามารถการแข่งขันให้ดีขึ้น มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ไม่เพียงสินค้าและบริการเท่านั้น แต่รวมถึงเทคโนโลยีดิจิทัลด้วยจะช่วยเพิ่มมูลค่าสูงขึ้นในสินค้าและบริการที่มอบให้กับลูกค้า ซึ่งหวังว่าจะชดเชยการแข็งค่าของเงินบาทได้ มองอีกด้านมีผลกระทบระยะสั้นแน่นอน แต่ระยะยาวไม่อาจประเมินเงินบาทได้ว่าจะมีทิศทางอย่างไร ส่วนจีดีพีของประเทศยังเชื่อว่าจะโต 3.9-4% ตามที่ภาครัฐประเมินเอาไว้

ส่วนงบการเงินรวมก่อนสอบทานของเอสซีจีไตรมาส 1 ปี 2561 มีรายได้จากการขาย 118,250 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มีกำไร 12,406 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 1 จากไตรมาสก่อน และลดลงร้อยละ 29 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผลการดำเนินงานที่ลดลงของบริษัทย่อยและบริษัทร่วมของธุรกิจเคมิคอล ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัจจัยเงินบาทแข็งค่าและต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น ประกอบกับปีที่ผ่านมามีกำไรจากการขายเงินลงทุน

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK