ฤดูกาล 2018-19 นับเป็นซีซั่นแห่งความสุขของ ลิเวอร์พูล อย่างแท้จริงหลังผลงานเยี่ยมต่อเนื่องจนนำจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก ด้วยผลงานไร้พ่าย มี 54 คะแนน จาก 20 นัด ทำให้”เดอะ ค็อป” เริ่มหวังเห็นทีมรักซิวแชมป์ลีกมาครองเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ฤดูกาล 1989-90ได้เสียที ขณะที่ถ้วยยุโรป ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็ตีตั๋วผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้
หลังจาก ลิเวอร์พูล โชว์ฟอร์มโหดส่งท้ายปี 2018 ด้วยการเปิดรังแอนฟิลด์ ถล่ม อาร์เซน่อล 5-1 เมื่อวันเสาร์ที่ 29 ธันวาคม ที่ผ่านมา ทำให้ “เจอร์เก้น คล็อปป์” พาหงส์แดงทำสถิติที่ยอดเยี่ยมของสโมสรขึ้นมาใหม่ มาดูกันดีกว่าว่าสถิติเหล่านั้นมีอะไรกันบ้าง
เก็บชัยชนะได้มากที่สุดในรอบ 1 เดือนเป็นประวัติศาสตร์ของทีม
ปกติแล้วในหนึ่งเดือนจะมีเกมให้ลงเล่นราว 4 นัด แต่ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมามีเกมต้องลงเล่นถึง 8 เกม และลิเวอร์พูลเก็บชัยชนะได้ทั้งหมด ชนะ 7 นัดในลีก และ 1 เกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งที่ผ่านมา “หงส์แดง” ไม่เคยชนะในรอบ 1 เดือนได้มากขนาดนี้เลย
นอกจากนี้หงส์แดง ยังยิงคู่แข่งแบบถล่มทลายถึง 23 ประตู และเสียเพียง 3 ลูกเท่านั้นในเดือนธันวาคม และจากผลงานที่ร้อนแรงแบบนี้ทำให้ลิเวอร์พูลนำห่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อยู่ถึง 7 แต้มด้วยกันก่อนที่ทั้งสองทีมจะเจอกันในวันพฤหัสบดีนี้
เก็บแต้มได้มากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ของสโมสรภายในรอบ 1 ปีปฏิทิน (นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 31 ธันวาคม)
ในปี 2018 ลิเวอร์พูลลงเล่นในลีกรวมทั้งหมด 37 นัด และโกยแต้มได้ถึง 88 คะแนน แบ่งเป็น 34 คะแนนเมื่อซีซั่นก่อน กับ 54 แต้มในฤดูกาลนี้ ทำให้ทำสถิติเก็บคะแนนภายในรอบ 1 ปีได้มากที่สุดตลอดกาลของสโมสร
เสียประตูน้อยที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ของสโมสรในช่วง 20 นัดแรก
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ลิเวอร์พูล นำเป็นจ่าฝูงในตอนนี้เนื่องจากมีเกมรับที่แข็งแกร่ง ฟอร์มอันยอดเยี่ยมของทั้ง เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, โจ โกเมซ, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน และ อลีสซง เบ็คเกอร์ ทำให้คู่แข่งเจาะตาข่ายของ ลิเวอร์พูล ในเกมลีกได้เพียง 8 ลูกเท่านั้น ซึ่งก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เคยเสียประตูน้อยขนาดนี้ในช่วง 20 นัดแรกมาก่อนเลย อย่างดีที่สุดก็ในซีซั่น 1978-79 ที่โดนยิงไป 9 ลูก
ในฤดูกาลนี้ยังไม่มีนัดไหนในลีกที่ ลิเวอร์พูล เสียประตูมากกว่า 1 ลูกด้วย เรียกได้ว่าตอนนี้เกมรับของ ลิเวอร์พูล เป็นเหมือนกำแพงเหล็กกล้าที่ใครก็ยากจะพังลงได้
