ลาทีปีเก่า 2561 สวัสดีปีใหม่ 2562 สิ่งไม่ดีและเลวร้ายต่างๆ ขอให้ผ่านพ้นไปกับปีเก่าๆ วันนี้ปีใหม่แล้วขอให้พบพานแต่สิ่งดีๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเศรษฐกิจ การเมือง แต่ที่แน่ๆปีใหม่ปี 2562 น่าจะเป็นปีแห่งความคึกคักทางการเมืองอีกปีหนึ่ง เพราะเป็นปีแห่ง“การเลือกตั้ง”ที่กำลังจะมาถึง ที่พรรคการเมืองต่างเฝ้ารอคอย น่าจะเป็นปีที่สร้างความคึกคักในเชิงสร้างสรรค์ ของการเลือกตั้ง 24 กุมภาพันธ์ 2562
หากดูห้วงเวลาตอนนี้ ก็คงจะเหลือเวลาไม่ถึง 60 วัน ที่จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น แต่ก่อนที่จะไปถึงการเลือกตั้ง ที่สำคัญการหาเสียงของพรรคการเมืองแต่ละพรรค ก็ต้องดำเนินการอย่างสร้างสรรค์เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองฝั่งรัฐบาลหรือพรรคการเมืองตรงข้ามรัฐบาล
เราอยากเห็นการหาเสียงที่เต็มไปด้วยแนวนโยบายสร้างสรรค์ นโยบายที่จะสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศชาติ ไม่อยากเห็นแนวนโยบายการหาเสียงแบบโจมตี และการหาเสียงแบบเอาประชาชนเป็น “ตัวประกัน” จนเกินไป ที่สำคัญไม่ต้องการเห็นภาพการหาเสียงแบบเกลียดชัง หรือใส่ร้ายกันจนเกินกว่าเหตุ ไม่ว่านโยบายที่ออกมาจะเป็นอย่างไร ตัวเลือกสุดท้ายอยู่ที่ “ประชาชน” เป็นผู้ชี้ขาดเท่านั้น
สำหรับพรรคการเมืองในเตรียมพร้อมเพื่อการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง จะต้องกำหนดนโยบายและต้องเป็นนโยบายที่เป็นจริง สามารถแก้ปัญหาปากท้องพี่น้องประชาชนได้จริง สามารถแก้ปมปัญหาเศรษฐกิจที่ตกต่ำได้ ไม่ใช่เป็นเพียงนโยบาย“ขายฝัน” ฉะนั้นนโยบายที่จะออกมาของพรรคการเมืองนับจากนี้ไป จะต้องเป็นนโยบายที่ทำให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าทำได้จริง
ไม่เฉพาะแต่นโยบายหาเสียงที่จะต้องประกาศออกมา สิ่งสำคัญอีกอย่างสำหรับพรรคการเมืองในช่วงนี้ นั่นคือการเสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของแต่ละพรรคการเมือง ซึ่งน่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นในช่วงเดือนนี้ เชื่อว่าการหาเสียงจะให้ได้ผล และประชาชนศรัทธาได้ นโยบายการหาเสียงและชื่อนายกรัฐมนตรี มันต้องไปด้วยกัน ฉะนั้นการที่ใครอยากจะเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ไม่อยากที่จะปรากฎตัวหรือเป็น“อีแอบ”อยู่ ไม่น่าจะทำให้ประชาชนศรัทธาได้
ฉะนั้นสิ่งที่น่าสนใจนับจากนี้ เราจะเห็นความโดดเด่นของแต่ละพรรคการเมือง กับรายชื่อบุคคลที่เสนอเข้าชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ตรงนี้น่าจะบอกความศรัทธาของประชาชนได้ไม่น้อย
เฉกเช่นเดียวกับรัฐมนตรีที่ยัง“เหยียบเรือสองแคม “ มาถึงวันนี้แล้วน่าจะสร้างความชัดเจนให้กับตัวเองได้แล้วว่า จะยังคงอยู่แบบสภาพเดิมๆ ประเภทที่ว่า“เมื่อถึงเวลาเราก็จะออก” หรือ“ลาออกเมื่องานในตำแหน่งเสร็จสิ้น” เหมือนอย่างที่มีรัฐมนตรีบางคนออกมาบอกบ่อยๆ แบบ“กระต่ายขาเดียว”
คำถามที่ตามมา“ลาออกเมื่องานในตำแหน่งเสร็จสิ้น” จุดที่เสร็จสิ้นอยู่ตรงไหน ดังนั้นเพื่อความสง่างามของรัฐมนตรีทั้ง 4 คน ในยังอยู่ในมุ้งรัฐบาล ปีใหม่แล้วน่าจะสร้างความชัดเจนให้กับตัวเอง ตรงนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญเหมือนกันในเชิงการเมือง
หากยัง“ดื้อดึง”และ“กระเตง” เกาะไปกับคณะรัฐมนตรีทุกการประชุมคณะรัฐมนตรี มีหวังตกเป็นเหยื่อทางการเมืองของฝ่ายตรงข้ามเป็นแน่นอน เพราะการประชุมคณะรัฐมนตรีแต่ละครั้ง มีการกำหนดนโยบายแบบลดแลกแจกแถมอยู่แล้ว แม้หลายฝ่ายจะมองว่าเป็นนโยบายรัฐบาลที่ช่วยเหลือประชาชน ไม่เกี่ยวกับนโยบายการหาเสียงของพรรคการเมืองอย่างพลังประชารัฐ แต่สิ่งที่ปรากฎตรงกันข้าม กลับเห็นมีการชูนโยบายรัฐบาลหาเสียงทุกพื้นที่ซะแล้ว
อย่างนี้ไม่เอานโยบายรัฐไปหาเสียงแล้วจะเรียกว่าอะไร สิ่งสำคัญที่สุดแนวนโยบายที่ออกมา เป็นการเอาเงินภาษีประชาชนทุกคนไปหาเสียง จนใครๆเรียกว่า“พรรคต้นทุนต่ำ”ไปแล้ว หากยังไม่แยกแยะมีหวังเส้นทาง ทางการเมืองอาจจะไปได้ไม่ไกลนะเจ้าค่ะ !!