Politics

สถานการณ์สื่อ 2561 ปีแห่งการ ‘ซึมแทรก ซึมทรุด’

“สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย” รายงานสถานการณ์สื่อรอบปี 2561 ชี้เป็นปีแห่งการ “ซึมแทรก ซึมทรุด” เผชิญความเสี่ยงและท้าทาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย Thai Journalists Association ได้เปิดเผยว่า สถานการณ์ด้านสื่อมวลชนไทยในรอบปี พ.ศ.2561 เป็นปีแห่งการ “ซึมแทรก ซึมทรุด” เพราะยังคงเผชิญความเสี่ยงและท้าทายหลายประเด็น โดยเฉพาะการไม่มีสิทธิและเสรีภาพอย่างเต็มที่ ภายใต้กฎหมายพิเศษของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในห้วงระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ขณะที่อุตสาหกรรมสื่อทั้งระบบยังอยู่ในภาวะยากลำบากอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผลกระทบด้านเทคโนโลยีและพฤติกรรมการเสพข้อมูลข่าวสาร ที่มุ่งไปสู่ทิศทางทางออนไลน์มากขึ้น ดังนั้นสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยจึงสรุปสถานการณ์สื่อฯใน 4 ประเด็นสำคัญ ดังนี้

ประยุทธ์ 24

1.ถูกควบคุมด้วยกฎหมายพิเศษ : แม้ว่าปี 2560 มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ รองรับสิทธิในการแสดงความคิดเห็น การพูด การพิมพ์ไว้ ในมาตรา 34 และมาตรา 35 บัญญัติให้บุคคลซึ่งประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนย่อมมีเสรีภาพในการเสนอข่าวสาร หรือการแสดงความคิดเห็นตามจริยธรรมแห่งวิชาชีพ ทว่ายังคงมีการบังคับใช้ ประกาศคสช. และคำสั่งหัวหน้าคสช. 4 ฉบับ เกี่ยวข้องกับสื่อมวลชนที่ยังไม่มียกเลิก สวนทางกับบรรยากาศของการปลดล็อคทางการเมืองเพื่อเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ที่ประชาชนต้องการรับรู้ข้อมูลข่าวสารอย่างครบถ้วนรอบด้าน แม้ว่าองค์กรสื่อจะร่วมกันรณรงค์ เรียกร้องและออกแถลงการณ์มาตลอด 4 ปีที่ผ่านมา แต่การยกเลิกประกาศคสช.และคำสั่งหัวหน้าคสช. ทั้ง 4 ฉบับก็ไม่เป็นผล

4 ประกาศคสช.และคำสั่งหัวหน้าคสช. ประกอบด้วย 1.ประกาศ คสช.ฉบับที่ 97/2557 เรื่อง การขอความร่วมมือต่อการปฏิบัติงานของคสช. และการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะ 2.ประกาศคสช.ที่ 103/2557 แก้ไขเพิ่มเติมประกาศคสช.ฉบับที่ 97/2557 โดยห้ามวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติงานของคสช. โดยเจตนาไม่สุจริตเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของคสช.ด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ 3.คำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 3/2558 (ข้อ5) ให้อำนาจเจ้าพนักงานรักษาความสงบเรียบร้อยมีอำนาจออกคำสั่งห้ามการเสนอข่าว การจำหน่าย หรือทำให้แพร่หลายซึ่งหนังสือ สิ่งพิมพ์ หรือสื่ออื่นใด

และ 4.คำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 41/2559 เรื่อง การกำกับดูแลการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะ โดยมีเจตนาในการขยายอำนาจ ตามมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 ของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ให้ครอบคลุมไปถึงประกาศของคสช. ฉบับที่ 97/2557 และฉบับที่ 103/2557 รวมทั้งคุ้มครองการใช้อำนาจของ กสทช.

ประยุทธ์16

2.จับตากฎหมายกระทบเสรีภาพ : ประเทศไทยอยู่ในช่วงขับเคลื่อนตามแผนการปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ รวมถึงแผนปฏิรูปด้านสื่อสารมวลชน เทคโนโลยีสารสนเทศ หนึ่งในนั้นคือการจัดทำ พระราชบัญญัติส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน. พ.ศ…. ซึ่งก่อนหน้านี้องค์กรสื่อได้รวมพลังคัดค้านในหลายประเด็น แต่ในที่สุดร่างกฎหมายดังกล่าวก็ได้รับความเห็นชอบในหลักการจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2561 โดยมีข้อสังเกตบางประการ และคณะรัฐมนตรีได้ส่งให้คณะกรรมการกฤษฏีกาพิจารณาก่อนเสนอกลับคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง ในชั้นนี้ร่างกฎหมายดังกล่าว จึงไม่น่าจะทันการพิจารณาของสภานิติบัญญัติชุดนี้ ถึงกระนั้นองค์กรสื่อก็ยังยืนยันหลักการในการกำกับดูแลกันเอง อันเป็นหลักการสากลที่นานาประเทศใช้กำกับดูแลเรื่องจริยธรรม อีกทั้งจะต้องไม่มีตัวแทนฝ่ายรัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ยังมีร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับเสรีภาพบนโลกออนไลน์ ได้แก่ พระราชบัญญัติว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ที่ผ่านความเห็นชอบจากครม.แล้วเช่นกัน แต่หลายประเด็นอาจจะกระทบต่อสิทธิเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นของประชาชนและสื่อมวลชนตามจริยธรรมแห่งวิชาชีพ รวมทั้งติดตามร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ…. ร่างพระราชบัญญัติการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล พ.ศ…. การแก้ไข พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ ว่าจะมีส่วนใดริดรอนเสรีภาพของประชาชนและสื่อมวลชนหรือไม่

ธุรกิจสื่อปลดคนปี 2561

3.ธุรกิจสื่อยังระส่ำ : การใช้อำนาจพิเศษของคสช. ในการออกมาตรการบรรเทาผลกระทบต่อผู้ประกอบกิจการทีวีดิจิทัล ด้วยการพักชำระหนี้ค่าสัมปทานเป็นเวลา 3 ปี ตามที่ผู้ประกอบการร้องขอ เป็นสัญญาณที่การแสดงให้เห็นถึงสถานการณ์ของธุรกิจสื่อได้อย่างชัดเจนตลอดทั้งปีที่ผ่านมาต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2560

ฝั่งของสิ่งพิมพ์ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เปิดโครงการลาออกด้วยความสมัครใจในช่วงสิ้นปี ด้านนสพ.ยักษ์ภาคเหนือ “เชียงใหม่นิวส์” หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นที่ตีพิมพ์ข่าวสารในพื้นที่ภาคเหนือมานานกว่า 27 ปี อำลาแผงเมื่อ 5 มีนาคม 2561 ผันตัวสู่ออนไลน์ และวันที่ 4 มกราคม 2562 นิตยสารวิเคราะห์ข่าวการเมืองรายสัปดาห์ “สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์” ที่จะอำลาแผงเช่นกันหลังยืนหยัดมาได้ถึง 66 ปี ตามหลัง “เนชั่นสุดสัปดาห์” ที่อำลาแผงไปก่อนหน้านี้ นิตยสารสตาร์พิคส์รายเดือน ที่อยู่คู่แผงหนังสือไทยมากว่า 52 ปี ประกาศปิดตัว ตีพิมพ์ ฉบับที่ 888 เดือน เม.ย. 2018 เป็นฉบับ “รายเดือน” เล่มสุดท้าย

นิตยสาร Secret เครืออมรินทร์ ประกาศเลิกผลิต เดือนมิถุนายนวางแผงฉบับสุดท้าย ปรับรูปแบบการนำเสนอผ่านช่องทางออนไลน์ และช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ รวมทั้ง Student Weekly ในเครือ Bangkok Post ได้ประกาศวางแผงเป็นฉบับสุดท้าย ฉบับวันที่ 30 กันยายนถือเป็นการปิดตำนานนิตยสารภาษาอังกฤษที่อยู่คู่นักเรียนไทยมากว่า 50 ปี นิตยสารแพรวก้าวเข้าสู่ปีที่ 40 ประกาศปรับจากรายปักษ์ เป็นรายเดือนฉบับแรก เริ่มเดือนตุลาคม

ฟากฝั่งของสื่อทีวี เริ่มตั้งแต่ “นิวทีวีช่อง18” เป็นช่องแรกของปี ที่ปรับโครงสร้างโดยมีคำสั่งลดพนักงาน 30 % ตามติดด้วย สปริงนิวส์ ช่อง 19″ เลิกจ้างพนักงาน 80 คนพร้อมกับการต่อลมหายใจด้วยการขายหุ้นให้กับทีวีไดเร็ค และให้บางรายการไปออกอากาศทางช่อง NOW26 ในเครือเนชั่น ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เนชั่นเปิดตัวทีมผู้บริหารชุดใหม่ได้ไม่นาน ปลายปีสถานีโทรทัศน์ “Money Channel” แจ้งยุติออกอากาศตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 และจะรุกตลาดผลิตคอนเทน สร้างความเข้มแข็งในโลกออนไลน์ แม้กระทั่งสื่อยักษ์ใหญ่ อย่างสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ก็ยอมเปิดโครงการเกษียณอายุให้แก่พนักงานอายุ 60 ปีขึ้นไป

ซึ่งภาวะธุรกิจเช่นนี้ สื่อระดับโลกอย่างสำนักข่าวรอยเตอร์เอง มีแผนลดพนักงาน 3,200 ตำแหน่ง ปิดสำนักงาน 133 แห่งทั่วโลก ภายใน 2 ปีข้างหน้า ตามแผนปรับโครงสร้างบริษัท

นายก หมูป่า1

4. บทเรียนถ้ำหลวง : เป็นเหตุการณ์ที่ต้องบันทึกไว้กับเหตุการณ์ที่สื่อมวลชนทั่วโลกมากกว่าพันชีวิต ปักหลักทำข่าวต่อเนื่องยาวนาน 17 วัน ในภารกิจช่วย 13 ชีวิตทีมหมูป่าอะคาเดมี่ ติดอยู่ในถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย เป็นสถานการณ์ที่ยากทั้งการช่วยเหลือ และยากต่อการรายงานข่าวบนเนื้อที่ปากถ้ำที่มีหลากหลายอุปสรรค เงื่อนไข ข้อจำกัดที่ต้องแข่งกับเวลา และการช่วงชิงยอดผู้ชม และเรตติ้งของข่าวให้ได้มากที่สุด นำมาซึ่งคำชื่นชม ตำหนิ และบทเรียนให้กับสื่อมวลชนนำกลับไปเป็นการบ้านเพื่อยกระดับมาตรฐานวิชาชีพต่อไป

สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
30 ธันวาคม 2561

Avatar photo