“มจร” จัดปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานนิสิต ป.ตรี ทั่วประเทศ ถวายพระราชกุศล และสร้างสิ่งที่ดีงามให้กับชีวิตในช่วงปีใหม่ไปพร้อมกัน
“โครงการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน” ถูกจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีการศึกษา โดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย (มจร.) มีพระภิกษุสามเณร และคฤหัสถ์ ทั้งไทย และนานาชาติ เข้าร่วมโครงการหลักพันรูป/คน ปีนี้ก็เช่นเดียวกัน จัดขึ้นระหว่างเดือนธันวาคม ปี 2561 ถึง มกราคม 2562
ในพิธีเปิดอย่างเป็นทางการมีพระราชปริยัติกวี,ศ.ดร.อธิการบดี มจร.เป็นประธานเปิดโครงการฯ ณ มจร. วังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
พระมหาสุรศักดิ์ ปจฺจนฺตเสโน รักษาการรองคณบดีคณะพุทธศาสตร์ กล่าวถึงความเป็นมาของ “โครงการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน “ ว่า มหาจุฬาฯ เป็นมหาวิทยาลัยแห่งคณะสงฆ์ไทยโดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้ทรงสถาปนาขึ้นเพื่อเป็นสถาบันการศึกษาพระไตรปิฎกและวิชาชั้นสูง
สำหรับพระภิกษุสามเณรและคฤหัสถ์ มี 4 พันธกิจ คือ (1)ผลิตบัณฑิตให้มีคุณภาพ (2)วิจัยและพัฒนา (3)ส่งเสริมพระพุทธศาสนาและบริการวิชาการแก่สังคม (4) ทะนุบำรุงศิลปะและวัฒนธรรม
การจัดการศึกษาเพื่อผลิตบัณฑิตให้มีคุณภาพ มหาวิทยาลัยฯ เป็นพันธกิจของมจร. จึงได้กำหนดให้มีทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ และกิจกรรมพัฒนานิสิตในรูปแบบต่างๆ มหาวิทยาลัยโดยคณะกรรมการโครงการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน จึงได้กำหนดให้นิสิต มจร. ที่ศึกษาในระดับปริญญาตรี ต้องเข้าฝึกภาคปฏิบัติดังกล่าวนี้เป็นเวลา 10 วันติดต่อกันตามสถานที่ที่มหาวิทยาลัยกำหนด
มีวัตถุประสงค์ 3 ประการ ดังนี้
1. เพื่อถวายพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร
2. เพื่อพัฒนานิสิตให้มีคุณภาพ และเป็นศาสนทายาทที่มีศักยภาพ
3. เพื่อให้นิสิตมีความรู้ ความเข้าใจ และมีประสบการณ์ด้านปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน ทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติสามารถนำไปใช้และสอนให้คำแนะนำเบื้องต้นได้
ในปีการศึกษา 2561 นี้มีนิสิตผู้เข้าร่วมโครงการฯ ทั่วประเทศทั้งสิ้น จำนวน 16,995 รูป/คน ซึ่งแยกปฏิบัติตามสถานที่ที่ส่วนงานนั้นๆกำหนด เฉพาะส่วนกลาง มีจำนวนนิสิตผู้เข้าร่วมโครงการ จำนวน 2,233 รูป/คน โดยแยกปฏิบัติตามคณะ ดังนี้
1. คณะพุทธศาสตร์ เข้าฝึก ณ มจร วังน้อย อยุธยา
2. คณะครุศาสตร์ เข้าฝึก ณ ศูนย์พัฒนาศาสนาแคมป์สน เขาค้อ เพชรบูรณ์
3. คณะมนุษยศาสตร์ เข้าฝึก ณ พุทธมณฑล นครปฐม
4. คณะสังคมศาสตร์ เข้าฝึก ณ มหาจุฬาอาศรม ปากช่อง นครราชสีมา
พระราชปริยัติกวี กล่าวว่า การศึกษาทฤษฎีหรือรู้วิชาการอย่างเดียว อาจเป็นอันตราย และเป็นยาพิษได้ เพราะทำให้การใช้ชีวิตตามโลกธรรมของเรามีปัญหา การปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน นอกจากจะได้บำเพ็ญบารมีเป็นประโยชน์ส่วนตนแล้ว ครั้งนี้ยังได้น้อมถวายพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร
“การปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานยังได้ชื่อว่าเป็นธุระของสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ในการศึกษาคำสอนของพระศาสดา และวิปัสสนาธุระ หรือการศึกษาพัฒนาใจ โดยการนำคำสอนของพระศาสดามาฝึกฝนอบรมจิตใจ การที่ได้มีโอกาสปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานในช่วงนี้ จึงได้ทำธุระทั้งสองในพระศาสนา ได้ทบทวนสิ่งต่างๆที่ผ่านมา และเตรียมสิ่งที่ดีงามให้กับชีวิตในช่วงปีใหม่ไปพร้อมกัน” พระราชปริยัติกวี กล่าวในตอนท้าย