โนเกีย เคยเป็นแบรนด์โทรศัพท์มือถือที่หลายคนใช้กันจนติดมือเมื่อสิบกว่าปีก่อน มาตอนนี้ อาจกล่าวได้ว่า โนเกียกลับสู่วงการสมาร์ทโฟนอีกครั้งภายใต้การดูแลของ HMD Global ที่มีอดีตลูกหม้อของโนเกียเดิมบริหารอยู่ แต่จุดเด่นของโนเกียในวันนี้ ไม่ใช่สิ่งที่หลายคนคุ้นเคยในอดีตอีกต่อไปแล้ว เพราะโนเกียเลือกที่จะลงแข่งในสนามนี้ด้วยการเป็น “สมาร์ทโฟนเพียวแอนดรอยด์”
อย่างไรก็ดี การเป็นสมาร์ทโฟนเพียวแอนดรอยด์ก็ทำให้หลายคนเกิดคำถามว่า แล้วสมาร์ทโฟนของโนเกียจะสามารถถ่ายภาพเจ๋ง ๆ หรือใช้ฟีเจอร์ด้านการถ่ายภาพดี ๆ ได้เหมือนกับสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์อื่น ๆ หรือไม่ วันนี้ เราเลยถือโอกาสทดสอบการถ่ายภาพของสมาร์ทโฟนเพียวแอนดรอยด์โดยใช้โนเกีย 7 Plus ในบรรยากาศช่วงเทศกาลฉลองปีใหม่มาฝากกัน
แต่ก่อนจะไปทดสอบ เราไปทำความรู้จักกับกล้องของโนเกีย 7 Plus กันก่อน โนเกีย 7 Plus มาพร้อมกล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล, 1.0um, f/2.0 เลนส์ ZEISS Adaptive Technology ส่วนกล้องหลังคู่ 12 ล้านพิกเซล f/1.7 + 13 ล้านพิกเซล f/2.6 (เทเลโฟโต ซูม 2 เท่า) ขนาดพิกเซล 1.4um + 1.0um เลนส์ ZEISS ความสามารถพิเศษก็คือการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอด้วยกล้องหน้าและกล้องหลังพร้อมกันได้ หรือจะไลฟ์สดไปยังเฟซบุ๊กและยูทูบก็ทำได้ในคลิกเดียว
เริ่มจากเปิดกล้องขึ้นมา เราพบว่ามีหลายออปชันให้เลือก ทั้งโหมดภาพถ่าย, โปร, ไลฟ์โบเก้, พาโนรามา, สี่เหลี่ยมจัตุรัส, วิดีโอ, การเคลื่อนช้า ๆ และย่นระยะเวลา ซึ่งนี่คือภาพตัวอย่างที่เราได้ลองถ่าย
ภาพนี้ถ่ายด้วยโหมดปกติ เป็นบรรยากาศงานอุ่นไอรัก เวลาประมาณ 18.30 น.
ส่วนภาพนี้ถ่ายในเวลาประมาณ 19.30 น. เป็นบรรยากาศย่านถนนพระราม 5 โดยใช้โหมดปกติเช่นกัน ซึ่งจะเห็นว่า สามารถถ่ายภาพในที่มืด หรือที่ที่มีแสงน้อยได้ดีทีเดียว
ใครที่เคยบอกว่าสมาร์ทโฟนเพียวแอนดรอยด์ มีฟีเจอร์ด้านการถ่ายภาพไม่เวิร์กอาจต้องคิดใหม่ เพราะเพียวแอนดรอยด์ตัวนี้สามารถปรับค่าต่าง ๆ ได้ตามสะดวก
ภาพนี้ถ่ายเวลาประมาณ 17.00 น. ณ งานอุ่นไอรักเช่นกัน
ส่วนฟีเจอร์ในด้านอื่น ๆ นั้น สิ่งที่ประทับใจอีกข้อคือชาร์จแบตได้เร็วพอสมควร โดยจากที่จับเวลา ตัวเครื่องสามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 11% มาถึง 100% ได้ในเวลาประมาณ 1.5 ชั่วโมง และในด้านการใช้งาน ผู้รีวิวอาจไม่ได้ใช้สมาร์ทโฟนหนักมากนัก หลัก ๆ คือใช้ถ่ายภาพ ซึ่งเราพบว่า ตัวแบตเตอรี่สามารถอยู่ได้ต่อเนื่องราว 2 – 3 วันเลยทีเดียว
หรือในส่วนของการเล่นคลิปวิดีโอ โนเกีย 7 Plus สามารถรับชมรายการต่าง ๆ จากโลกออนไลน์ เช่น ยูทูบ ได้ต่อเนื่อง 4 ชั่วโมงกว่า ๆ ต่อการชาร์จแบตหนึ่งครั้งจึงค่อนข้างตอบโจทย์สำหรับผู้ใช้งานที่มีไลฟ์สไตล์ชอบดูหนังฟังเพลง หรือสำหรับผู้ที่ชอบเล่นเกม สมาร์ทโฟนตัวนี้ก็ทำได้ดีเช่นกัน โดยเกมที่เราลองเล่นเป็นเกมอย่าง Minecraft ซึ่งอาจไม่ใช่เกมที่กราฟิกหนักมากนัก แต่ก็พบว่าสามารถตอบสนองได้รวดเร็วในระดับที่น่าพอใจเลยทีเดียว
ในส่วนของระบบปฏิบัติการ โนเกีย 7 Plus ยังเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ได้รับการอัปเดตไปใช้ Android 9 Pie บน Qualcomm 660 mobile platform ซึ่งความพิเศษของ Android 9 Pie หลัก ๆ มีดังนี้
App Actions : ความสามารถในการคาดการณ์ว่าผู้ใช้จะใช้งานแอพอะไรต่อไป และเตรียมปุ่มกดไว้ให้ใช้งานง่ายขึ้น
Adaptive Battery : เป็นการใช้เทคโนโลยี Deep Learning ในการทำความเข้าใจรูปแบบการใช้งานของผู้ใช้แต่ละราย และช่วยจัดสรรทรัพยากรให้กับแอพที่สำคัญก่อน
Adaptive Brightness : ตัวนี้ดีทีเดียว เพราะสามารถปรับค่าความสว่างหน้าจออัตโนมัติ โดยระบบจะเรียนรู้จากการตั้งค่าและปรับเปลี่ยนจากการใช้งานจริงของเราในแต่ละวัน
ส่วนฟีเจอร์ด้าน Digital Wellbeing ที่จะเปิดให้ใช้งานได้ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2561 ประกอบด้วย
Dashboard : บอกข้อมูลการใช้งานโทรศัพท์และหน้าจอ รวมถึงบอกจำนวนครั้งที่มีการปลดล็อกเพื่อใช้งาน และจำนวนการแจ้งเตือนที่ได้รับ
App Timers : สำหรับกำหนดระยะเวลาการใช้งานแต่ละแอพ
Wind Down and Do Not Disturb : ตั้งเวลาพักการทำงานของโทรศัพท์ในแต่ละวัน พร้อมลดความสว่างของหน้าจอลงโดยอัตโนมัติเมื่อเปิดโหมด Do Not Disturb ซึ่งจะปิดการแจ้งเตือนต่างๆ เพื่อให้เจ้าของได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ และสามารถกลับมาเปิดใช้งานเมื่อไรก็ได้ที่ต้องการ
สำหรับสนนราคาโนเกีย 7 Plus อยู่ที่ 13,900 บาท ถือเป็นอีกหนึ่งสมาร์ทโฟนที่ครบเครื่องและตอบโจทย์คนที่มีไลฟ์สไตล์อยู่บนโลกดิจิทัลได้ดีทีเดียว
