Entertainment

เปิดใจ ‘ลำยอง หน่องหินห่าว’ เคยโดนนักร้องดังดูถูก…ตราหน้าเป็นหมอลำบ้านๆ

หลายคนคงเคยได้ยินและร้องเพลง  เอาผัวไปเทิร์น”  ได้อย่างดี ซึ่งเพลงนี้ถือว่าแจ้งเกิดให้กับนักร้องสาวหมอลำโคโยตี้สุดแซ่บ  “ลำยอง หนองหินห่าว” แต่งานนี้มีข่าวเม้าท์ต่างๆ มากมาย

ล่าสุดเจ้าตัวเดินทางมาเปิดใจถึงเรื่องราวต่างๆ ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง one31 ที่มี นุ้ย สุจิรา, เป็กกี้ ศรีธัญญา และ ชมพู่ ก่อนบ่ายเป็นพิธีกร

lumyai3

เห็นว่าเพลง “เอาผัวไปเทิร์น” ไม่ได้ร้องมา 4 ปีแล้ว เกิดอะไรขึ้น

ลำยอง : เพราะว่าโดนฟ้อง คือเหมือนกับว่าเพลงของเราไปละเมิดลิขสิทธิ์ของอีกเพลงหนึ่ง แต่บอกไม่ได้ เอาเป็นว่าไม่ขอพูดดีกว่าค่ะ ก็ได้มีการดำเนินคดีไปตามกฎหมาย ซึ่งระหว่างนั้นเราห้ามร้องเพลงนี้ แต่ตอนนี้คือเคลียร์เรียบร้อยแล้ว ใช้เวลาสู้คดีประมาณเกือบเกือบ 4 ปีค่ะ และสุดท้ายเราก็ชนะคดี ตอนนี้ก็ร้องได้แล้ว ก็รู้สึกสบายใจค่ะ

lumyai5

ย้อนกลับไปนิดนึงมาเป็น “ลำยอง หนองหินห่าว” ได้ยังไง

ลำยอง : ย้อนกลับไปสมัยก่อนเป็นครู สอนวิชาออกแบบค่ะ ก็เป็นญาติกับอาจารย์ท่านหนึ่งแล้วก็พาเข้าวงการ สมัยก่อนชื่อ “นก สุพรรณี” ตอนหลังมาเป็นหมอลำซิ่งก็เลยกลายเป็น “ลำยอง หนองหินห่าว” มีพี่คนหนึ่งที่ทำเพลงตั้งให้ต้องการให้เป็นแบบผู้หญิงแรงๆ ต้องการตีตลาด มันเป็นชื่อที่ทำให้คนจำง่าย ฟังแล้วสนุก

lumyai4

แล้วเข้ามาอยู่ในค่ายเพลงได้ยังไง

ลำยอง : มีอาจารย์ท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นน้าอยู่แถวบ้านของเรา แล้วมีค่ายเพลงต้องการทำแนวเพลงหมอลำซิ่ง แล้วก็มีหลายๆคนแนะนำว่าให้เอา “ลำยอง หนองหินห่าว” มา ซึ่งตอนนั้นอาจารย์ก็ไม่ทราบว่าเป็นหลานของท่าน แล้วเราก็เคยสมัครร้องเพลงกับเขาตอนเด็กๆ หลังจากนั้นก็โทรศัพท์คุยกันก็เลยได้รู้จักกัน

lumyai2

ทำไมถึงทิ้งอาชีพครูแล้วกลายมาเป็นนักร้องหมอลำ

ลำยอง : คือตอนที่เป็นครู เงินเดือนก็เป็นเงินเดือนปกติ แต่ตอนที่เป็นครูเราก็มีร้องเพลงในผับ ตามร้านอาหารบ้าง แล้วตอนนั้นการพักผ่อนก็ไม่เพียงพอด้วย จากที่เคยเป็นครูสอนอยู่ดีๆ ต้องตื่นเช้า ต้องขึ้นเวร ขี้เกียจไปสอนบ้าง ซึ่งพวกที่ออกแนวอาร์ตๆ ก็จะไม่ค่อยละเอียดเรื่องงานพวกนี้ ก็เลยมานั่งทบทวน  ตอนนั้นงานร้องเพลงเราก็ได้เงินเยอะพอสมควร ซึ่งอาจจะได้เยอะกว่าเงินเดือนอีก แล้วพอดีภาพลักษณ์ของนักร้องตอนนั้นคือมันโป๊ ซึ่งมันก็ขัดกับอาชีพที่เราทำอยู่ ก็เลยคิดว่าก่อนที่จะให้เขาไล่ออกลาออกเองก่อนดีกว่าไหม

lumyai6

คิดว่าตัดสินใจถูกไหม เพราะหลังจากนั้นเห็นว่าลำบากมาก

ลำยอง : คิดว่าตัดสินใจถูกนะในตอนนั้น ตอนที่ลาออกแรกๆ ก็คือเข้ามาอยู่กรุงเทพฯเลย ตัดสินใจลุยมาเลย คิดว่า เขาจะพาเราไปถึงฝั่งฝันได้

ตอนแรกที่มาก็เป็นหมอลำซิ่งเปิดวงตีตลาดตามปกติยังไม่ได้สังกัดค่าย ตอนนั้นฮิตมาก เดือนหนึ่งก็จะมีงานประมาณ 50-60 งาน วันหนึ่งอาจจะเล่น 3-4 ที่ มีทุกช่วงเวลาเลยค่ะ แต่ก็มาโดนโกง แทนที่เราจะเจ็บตัวคนเดียว แต่กลายเป็นว่าโดนทั้งวงเพราะเราเอาลูกน้องนักดนตรีไปด้วย คือถ้าเขาไม่จ่ายเราคนเดียวเราก็แค่เจ็บตัวคนเดียว แต่ไม่จ่ายวงด้วย ปัญหาคือ เราต้องไปหาเงินมาจ่ายวง ก็เจอหลายงานจนไม่อยากเป็นนักร้องเลยค่ะ

lumyai7

มีข่าวถูกโกง เจ้าภาพหอบเงินหนีด้วย

ลำยอง : ก็เยอะค่ะ คือประมาณว่างานที่แล้วก็ยังไม่จ่ายเรานะ เราก็ต้องเอาเงินที่เราเก็บไว้มาจ่ายแทนก่อน เพราะว่าเราต้องจ่ายนักดนตรี ที่เราจ้างมาอีกทีนึง แทนที่เราจะได้กลายเป็นว่าเราต้องมาควักเนื้อเอาเงินตัวเองจ่าย งานที่แล้วไม่ได้ง านนี้ก็กะว่าอาจจะได้ของงานที่แล้วด้วย เราก็ไปอีก ก็โดนอีก หลังๆ ก็เลยคิดว่าถ้าคนนี้เขาจ้างงานอีกก็จะไม่ไปแล้ว คือมันกลายเป็นดินพอกหางหมูเลยค่ะ กับเจ้าเดิมนี่แหละ จนสุดท้าย รถ บ้านของเราก็โดนยึด

lumyai8

เคยคิดน้อยใจถึงขนาดไม่อยากอยู่บนโลกนี้แล้วด้วย

ลำยอง : ใช่ค่ะตอนนั้นมันเครียด ถึงขนาดเคยคิดฆ่าตัวตายเลย คือตอนที่เป็นครูเรายังมีเงินผ่อนบ้าน ผ่อนรถได้ เงินเดือนครูกับเงินที่เราได้จากการร้องเพลง เราก็เอามาใช้จ่ายอุดตรงนู้นตรงนี้ ไปๆมาๆก็ไม่เหลือเลยสักบาท เงินติดตัวไม่มีแม้แต่เงินในกระปุกออมสินก็ไปทุบเอามาใช้จนหมด โทรไปขอยืมญาติ บางทีได้มา 500 บาท ก็ยังพอพยุงชีวิตไปได้ หลังๆก็ท้อแท้ ไม่อยากอยู่แล้ว ก็คิดจะกินน้ำยาล้างห้องน้ำ หรือจะผูกคอตาย หรือจะกระโดดตึก แต่ถ้าตกลงไปไม่ตายแล้วพิกลพิการจะเป็นภาระอีกไหมอะไรแบบนี้ จากอาจารย์ที่มีคนนับถือ กลายมาเป็นคนไม่มีอะไรเลย ก็คิดวนไปเรื่อยๆค่ะ

lumyai9

แล้วสุดท้ายทำไมเราถึงคิดได้

ลำยอง : คือตอนนั้นนอนโทรมเลยนะคะ น้องสาวแท้ๆ บอกว่าไม่ต้องคิดมาก แล้วก็เอาเงินมาให้ แล้วก็พยายามที่จะพาเราออกไปจากตรงนั้น พาไปทำผม ทำเล็บ เสริมสวย เดินเล่นซื้อของ ดูแลตัวเอง เราเห็นหน้าน้อง เห็นหน้าหลานก็เลยรู้ว่ายังมีคนที่รักเราอยู่ ก็จิตตกอยู่นานพอสมควรเลยค่ะ เป็นปีก็ว่าได้ น้ำหนักลดเหลือประมาณ 38-39 กิโล เหมือนเนื้อติดกระดูกเลยค่ะ

lumyai10

เห็นว่ามีอยู่ค่ายนึง มีศิลปินดังมาก สบประมาทไว้ว่า หน้าอย่างเธอไม่น่าจะได้อยู่ค่ายนี้หรอก ณ ตอนนั้นรู้สึกยังไง

ลำยอง : ณ ตอนนั้น ศิลปินดังมาก เขาเรียกเราว่าเจ้ อาจารย์จะเอาเจ้ไปค่ายไหน เราก็บอกไม่รู้แล้วแต่อาจารย์ อย่างเจ้ไม่เหมาะหรอกกับค่ายแกรมมี่ เพราะเจ้แต่งตัวโป๊ เขาไม่เอาหรอกหมอลำบ้านๆ พูดแค่นี้พอ ก็ที่ผ่านมาก็คิดมาเสมอว่าเราไม่เหมาะกับค่าย เพราะเราแต่งตัวเซ็กซี่มาก แต่ถ้าเข้าไปได้ก็เป็นบุญแล้ว คือตอนนั้นเราก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะอาจารย์บอกให้เงียบๆ ไว้ก่อน

lumyai1

จุดไหนที่ทำให้เราลุกขึ้นมาก้าวไปต่อ

ลำยอง : ตอนนั้นน้องสาวเปิดร้านอาหารแล้วมีหุ้นส่วนอยู่ เขาบอกให้ไปดูแลร้านให้หนูหน่อย เราก็ตัดสินใจไป แล้วเราก็ขึ้นไปร้องเพลงบนเวที เพื่อเรียกแขกเข้าร้าน แต่ตอนนั้นหมดหวังไม่อยากเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงแล้วนะ คิดแค่ว่าเอาพอสนุกได้ติ๊บ ได้พวงมาลัยแค่นั้นก็พอแล้ว ร้องไปเรื่อยๆ ก็เริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมา หลายคนรู้จักเรา ชื่นชอบเรา ในขณะเดียวกันเราก็เริ่มกอบกู้ชื่อเสียงขึ้นมาเรื่อยๆ จนดังในที่สุด หลายๆค่ายจากที่เคยปฏิเสธเรา ก็ติดต่อเรากลับมาอีกครั้ง

มีข่าวว่าหลอกผู้ชายซื้อบ้านให้ 10 ล้าน จริงไหม

ลำยอง : คือต้องบอกว่าเรื่องนี้ มีอาจารย์คนนึงที่เรานับถือ แล้วผู้ชายคนนี้เขาก็เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์เหมือนกัน เป็นคนจีนค่ะ ก็มีการคุยกันทางโซเชียลหลายเดือนอยู่ค่ะ แล้วเขาก็บินมาเจอกันที่เมืองไทย คือเขาอยากมาดูหน้าเรา อยากทำความรู้จักตัวเราจริงๆ ก็ไปกินข้าวกันอะไรอย่างนี้ แล้วเขาก็ชอบเรา ที่จริงเขาก็ชอบเรามาตั้งแต่อยู่ในโซเชียลแล้ว กินข้าวเสร็จ เขาก็ไปส่งเราที่บ้าน

เขาก็ถามเราว่าคุณอยู่แบบนี้เหรอ เราก็บอกเขาไปว่า “ฉันเป็นคนประหยัดอยู่ยังไงก็ได้ ไม่ชอบมาฟุ่มเฟือยกับอะไรพวกนี้” หลังจากนั้นประมาณ 3-4 วัน เขาก็บอกว่าจะซื้อบ้านให้เรา เป็นเงินสดค่ะ ต้องบอกด้วยนะคะว่าเราหมั้นกันแล้ว มีแหวนเพชรและบ้านเป็นของหมั้น แล้วก็มีรถด้วยอีกคันนึงค่ะ แต่หลังจากนั้นประมาณ 6 เดือนเราก็เลิกกันค่ะ เพราะด้วยอยู่ห่างไกลกันแล้วก็ต่างคนต่างพูดคนละภาษา เวลาคุยกันก็ต้องใช้ล่าม จากที่คุยกันทุกวัน ก็เหลืออาทิตย์ละครั้ง เดือนละครั้ง เราก็ไม่ค่อยเข้าใจกันแล้วเขาก็หายไปเลย นั่นแหละค่ะ

ที่มา: รายการ คุยแซ่บShow

 

Avatar photo