อูเบอร์ (Uber) ไม่มีทางเลือก ต้องส่งรถอัจฉริยะไร้คนขับของบริษัทลงทดสอบอีกครั้งแล้ว หลังจากยุติการทดสอบไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เนื่องจากรถอัจฉริยะของบริษัทได้ชนคนเดินถนนจนมีผู้เสียชีวิตในรัฐอริโซน่า สหรัฐอเมริกา
เหตุที่ทำให้อูเบอร์ต้องเริ่มกลับมาทดสอบอีกครั้งมาจากหลายเหตุผล หนึ่งคือเพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากผู้ใช้งานให้คืนกลับมา โดยการทดสอบครั้งนี้จะมีขึ้นในเมืองพิตต์สเบิร์ก รัฐเพนซิลวาเนีย เฉพาะในช่วงกลางวันของวันจันทร์ – ศุกร์เท่านั้น และความเร็วของรถก็จะไม่ให้เกิน 25 ไมล์ต่อชั่วโมงด้วย โดยทางบริษัทจะให้รถหนึ่งคันมีพนักงานสองคน (เป็นไปได้ว่าอาจเพื่อป้องกันความผิดพลาดเหมือนเช่นกรณีที่ชนคนเสียชีวิตในรัฐอริโซน่า เนื่องจากมีรายงานว่าพนักงานที่นั่งหลังพวงมาลัยนั้นดูรายการทีวีบนโทรศัพท์มือถือจนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว)
ส่วนเหตุผลที่สองนั้นมาจากคู่แข่งอย่างค่ายเวย์โม (Waymo) บริษัทลูกของอัลฟาเบ็ท ซึ่งพัฒนาเทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยตัวเองได้ประกาศเปิดให้บริการรถอัจฉริยะในเชิงพาณิชย์แล้วอย่างเป็นทางการที่เมืองฟินิกซ์ รัฐอริโซน่า แม้จะจำกัดพื้นที่ แต่ก็เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของบริษัทที่บอกว่าตัวเองเป็นบริษัทเทคโนโลยี ขณะที่ค่ายเจเนรัล มอเตอร์ส ก็คาดว่าจะเปิดให้บริการรถอัจฉริยะไร้คนขับเชิงพาณิชย์ ของตนเองในปีหน้าเช่นกัน
โดยในตลาดนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า เวย์โมคือเบอร์หนึ่ง ที่ผ่านมา บริษัทมีการทดสอบของรถอัจฉริยะบนถนนจริงแล้วเป็นระยะทางกว่า 10 ล้านไมล์ และทดสอบบนถนนเวอร์ชวลอีกกว่า 7 พันล้านไมล์ ส่งผลให้มีการคาดการณ์มูลค่าของเวย์โมเอาไว้ถึง 175,000 ล้านดอลลาร์
ตลาดยานยนต์อัจฉริยะเป็นอีกหนึ่งตลาดที่เกิดขึ้นได้เพราะเครือข่าย 5G และมีการคาดการณ์กันว่า จะมีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 285,000 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2573 (ค.ศ. 2030) ด้วย
