COLUMNISTS

“แจ็ค หม่า” สานฝัน EEC

Avatar photo
EcoIndy คิดต่างสร้างสรรค์
167

eco indy

ECO INDY

 

หลากมิติหลัง “แจ็ค หม่า” ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัท อาลีบาบา พร้อมคณะผู้บริหารของอาลีบาบา กรุ๊ป เดินทางเข้าพบพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีทีมเศรษฐกิจของไทย พร้อมกับลงนามเซ็นสัญญาร่วมมือกับทางรัฐบาลไทย 4 ฉบับ ในโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเกี่ยวข้องกับ การค้า, การลงทุน , ส่งเสริมธุรกิจผ่านอีคอมเมิร์ซ และการท่องเที่ยว

โดย “อาลีบาบา” ได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะช่วยขยายธุรกิจด้านผลผลิตทางการเกษตรไทยเข้าสู่ตลาดจีน ทำให้มีรายได้จากธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และช่วยดันเศรษฐกิจไทยให้เติบโตมากยิ่งขึ้น

ที่เรียกเสียงฮือฮา! คงหนีไม่พ้นเรื่องยอดขาย “ทุเรียน” ผ่าน อีคอมเมิร์ซ ที่ทำเอาหลายฝ่ายถึงขั้นตกตะลึงว่าเป็นไปได้อย่างไร????

เพราะภายหลังที่ “อาลีบาบา” ได้ลงนามเซ็นสัญญาในข้อตกลง เป็นตัวแทนจำหน่ายทุเรียนพันธุ์หมอนทองกับรัฐบาลไทย มูลค่า 428 ล้านดอลลาร์ (ราว 13,000 ล้านบาท) ผ่านทางเว็บไซต์ Tmall.com ปรากฏว่าขายเกลี้ยงภายในเวลาแค่ 1 นาทีเท่านั้น

แต่ประเด็นใหญ่ที่เป็นความหวังของรัฐบาลในการพลิกโฉมเศรษฐกิจไทย ในการเดินหน้าสร้างอุตสาหกรรมใหม่ๆ สอดคล้องนโยบายไทยแลนด์ 4.0
นั่นก็คือการลงนามความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐกับ อาลีบาบา กรุ๊ป ในด้าน Smart Digital Hub and Digital Transformation Strategic Partnership

“อาลีบาบา” เตรียมแผนการก่อสร้างโครงการ Smart Digital Hub ในพื้นที่ EEC มูลค่าลงทุน 11,000 ล้านบาท ที่จะเริ่มก่อสร้างภายในปี 2561-2562 คาดว่าจะช่วยส่งเสริมการค้ากับจีนและกลุ่ม CLMV ซึ่งประกอบด้วย กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม

โดยศูนย์ดังกล่าวจะใช้เทคโนโลยีของอาลีบาบาในการประมวลข้อมูลโลจิสติกส์ ผ่าน “ไช่เหนี่ยว” ซึ่งเป็นธุรกิจด้านโลจิสติกส์ของอาลีบาบา เพื่อให้การขนส่งสินค้าระหว่างไทย-จีน

การดึง “แจ็ค หม่า” มาเยือนไทยในครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของรัฐบาลในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ

เพราะหลายฝ่ายจับตามองว่าโครงการ EEC จะเกิดหรือไม่ หรือเป็นแค่นิยาย “ขายฝัน” ครั้นเปลี่ยนแปลงรัฐบาลไปแล้ว โครงการดังกล่าวอาจถูกสกัด “ดาวรุ่ง” จากรัฐบาลชุดใหม่

ทำให้เราเห็นราคาหุ้นในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ และหุ้นหลายบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องและได้ประโยชน์จากโครงการ EEC ทะยานขึ้นอย่างร้อนแรง

ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ เออีซี มองว่าการที่ “แจ็คหม่า” ประกาศแผนลงทุนสร้างศูนย์ Smart Digital Hub ในพื้นที่ EEC หนุนให้การขนส่งสินค้าระหว่างไทยจีนและ CLMV มีประสิทธิภาพมากขึ้น ผลักดันให้มีแรงซื้อเก็งกำไรหุ้นนิคมที่มีพื้นที่ในเขต EEC

พร้อมกับแนะนำเก็งกำไรหุ้น บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) (AMATA) โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 27 บาท และบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (WHA) ให้ราคาเป้าหมายที่ 4.6 บาท

ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน คาดราคาหุ้นในกลุ่มนิคมฯปรับตัวขึ้นจากความคาดหวังการลงทุนของ Alibaba และยอดขอบีโอไอ โดยราคาหุ้น AMATA และ WHA ปรับตัวขึ้นมาก่อนหน้า คาดมาจากความคาดหวังของตลาด ต่อการเข้ามาลงทุนในไทยของ Alibaba

รวมไปถึงยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอในไตรมาส 1/61 ที่มีแนวโน้มเติบโตสูง ที่อาจทำให้เกิดความต้องการพื้นที่คลังสินค้า และที่ดินนิคมฯในโซน EEC และพื้นที่ใกล้เคียง และเป็นประโยชน์ต่อกลุ่ม โดยเรามองผู้ที่มีโอกาสได้ประโยชน์หลัก