ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกลดลต่อเนื่องเหลือ 53 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขายปลีกหน้าปั๊มลดลงอีก 1 บาทต่อลิตรมีผลพรุ่งนี้ คาดปีหน้าราคาน้ำมันยังมีแนวโน้มลดลงต่อ เล็งแขวนมาตรการช่วยน้ำมันมอเตอร์ไซด์รับจ้าง เหตุราคาน้ำมันลดลงแล้ว
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่า ราคาน้ำมันตลาดโลกลดลงต่อเนื่อง ประกอบกับเข้าช่วงปลายปีซึ่งประชาชนมีการเดินทางท่องเที่ยวมาก เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน กบง.จึงมีมติให้ลดการเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 50 สตางค์ต่อลิตร และขอความร่วมมือผู้ประกอบการให้ลดค่าการตลาดลง จากปัจจุบันประมาณ 2.60-2.70 บาทต่อลิตร ทำให้ราคาน้ำมันขายปลีกหน้าสถานีบริการน้ำมันทุกชนิด ทั้งดีเซล และเบนซินลดลง 1 บาทต่อลิตรมีผลวันพรุ่งนี้ ( 25 ธันวาคม) ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน 95 อี 10 เหลือ 26.15 บาท และดีเซล เหลือ 25.29 บาทต่อลิตร เป็นต้น
โดยรวมแล้วตั้งแต่เดือนกันยายน 2561 ที่ผ่านมาจนถึงวันพรุ่งนี้ ได้มีการลดราคาน้ำม้นอย่างต่อเนื่อง โดยเบนซินลดลงรวม 5 บาทต่อลิตร และเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน 1.40 บาทต่อลิตร ส่วนดีเซล ลดลงแล้ว 4.60 บาทต่อหน่วย และเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ 0.35 บาทต่อลิตร
“กบง.ได้ติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน 2561 มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะการผ่อนปรนเงื่อนไขการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐอเมริกา และการผลิตน้ำม้นดิบของสหรัฐที่มากเป็นประวัติการณ์ รวมถึงการผลิต ของกลุ่มโอเปกพลัส ที่เพิ่มขึ้นในเดือนมกราคม 2562 นอกจากนี้ยังมาจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของประเทศต่างๆเป็นระยะๆ ส่งผล กระทบต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของทั่วโลก บวกกับมีการพัฒนาเทคโนโลยี ทั้งหมดส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบดูไบลดลงจาก 80.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2561 คงเหลือ 53.56 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ณ วันที่ 21 ธันวาคม 2561”
และใน 3-6 เดือนของปีหน้า คาดว่าราคาน้ำมันจะลดลงอีก เพราะกำลังการผลิตของทั่วโลกที่มีมาก ขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันของโลกไม่เพิ่มมาก คาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบน่าจะอยู่ในระดับ 60 ดอลลาร์บวกลบ
นายศิริ มั่นใจในสถานะของกองทุนน้ำมันฯ เขา แจกแจงว่า ขณะนี้กองทุนน้ำมันฯมีเงินกว่า 30,000 ล้านบาท มีการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ 2,500 ล้านบาทต่อเดือน กระทรวงพลังงานตั้งเป้าหมายที่จะทำให้กองทุนน้ำมันฯมีสถานะ 40,000 ล้านบาท ดังนั้นจะใช้เวลาอีก 4 เดือนจนถืงเดือนเมษายนเท่านั้นที่จะทำให้ถึงเป้าที่วางไว้ ยกเว้นสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกจะเปลี่ยนไป ขณะเดียวกันราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) ลดลงมาก ไม่ต้องรับการอุดหนุนจากกองทุนน้ำมันฯเลย
“ดังนั้นโอกาสที่ราคาเบนซิน และดีเซลจะลดลงได้อีกในปีหน้า จะมีค่อนข้างสูง เพราะกองทุนน้ำมันฯมีเสถียรภาพ และมั่นคงเพียงพอที่จะใช้ลดราคาน้ำมันได้”
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า เมื่อราคาน้ำมันลดลง การช่วยเหลือมอเตอร์ไซด์รับจ้างผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอาจมีความจำเป็นน้อยลง ทางกระทรวงพลังงานได้ทำการตรวจสอบกับกระทรวงคลังไปแล้วว่าจะให้ทำอย่างไรต่อไปถึงความจำเป็นในการช่วยเหลือมอเตอร์ไซด์รับจ้างขณะที่ราคานัำมันลดลงอย่างนี้ ซึ่งกระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างรอคำตอบ เพราะในส่วนของเราไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องดำเนินมาตรการนี้แล้ว แต่เห็นควรช่วยเหลือในเรื่องอื่น
