รัฐมนตรีน้ำมันจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) คาด ราคาจะทรงตัวอยู่ในระดับที่ร่วงลงมาเมื่อเร็วๆ นี้ และจะปรับสมดุลได้ในช่วงต้นปีหน้า เมื่อข้อตกลงลดการผลิตฉบับใหม่มีผลบังคับใช้
นับแต่ต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบร่วงลงไปแล้วมากกว่า 36% เคลื่อนไหวล่าสุดอยู่ที่ระดับประมาณ 54 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ผลจากความกังวลในเรื่องการจัดหาที่มากเกินไป และความต้องการโลกซบเซา
อย่างไรก็ดี นายซูอาอิล อัล มาซรูอี ประธานโอเปค รัฐมนตรีพลังงานสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) กล่าวว่า น้ำมันดิบในตลาดโลกเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเทียบกับปี 2560 และคาดว่า ส่วนที่เพิ่มนี้จะหายไปภายในเวลาเพียงแค่ 1-2 เดือนเท่านั้น
“เมื่อพิจารณาจากข้อมูลที่มีอยู่ เรามีน้ำมันส่วนเกินอยู่ราว 26 ล้านบาร์เรล เมื่อเทียบกับจำนวน 340 ล้านบาร์เรลในช่วงต้นปี 2560 ผมว่าเราสามารถจัดการกับส่วนที่เพิ่มขึ้นมานี้ได้อย่างง่ายดาย และทำให้ตลาดเกิดการปรับสมดุลได้ในอีก 1 หรือ 2 เดือน ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2562”
ทั้งนี้ โอเปค และประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปค เห็นพ้องกันในต้นเดือนนี้ ที่จะลดปริมาณการผลิตลงอีก 1.2 ล้านบาร์เรล ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 ในความพยายามที่จะสนับสนุนราคาน้ำมันที่ร่วงลง
นายมาซรูอี กล่าวด้วยว่า ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มีการจัดหาน้ำมันเข้าสู่ตลาดสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ และมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐต่ออิหร่าน ก็ส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมันอิหร่านน้อยกว่าที่คิดกันไว้แต่แรก
ส่วนนายธาเมอร์ อับ กัดห์บัน รัฐมนตรีน้ำมันซาอุดีอาระเบีย เปิดเผยว่า โอเปค และประเทศนอกกลุ่ม เห็นพ้องที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงฉบับใหม่ ลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงมา ในความพยายามที่จะสร้างเสถียรภาพให้กับตลาด
ข้อตกลงฉบับใหม่ดังกล่าว จะมีอายุ 6 เดือน และบรรดารัฐมนตรีโอเปคจะประชุมกันในเดือนเมษายนนี้ เพื่อประเมินถึงผลกระทบจากการลดปริมาณผลิต
“ถ้าหากการลดปริมาณผลิต 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ยังไม่เพียงพอ เราก็จะประชุมกันอีกครั้ง เพื่อดูว่า ระดับไหนจึงจะพอดี และปฏิบัติตามนั้น”
นักวิเคราะห์คาดด้วยว่า ระหว่างการประชุมในเดือนเมษายนปีหน้า บรรดาประเทศผู้ผลิต น่าจะลงนามในข้อตกลงระยะยาว เพื่อความร่วมมือในระยะยาว ระหว่างโอเปค และผู้ผลิตนอกกลุ่ม ในเรื่องปริมาณการผลิตน้ำมัน
