สำหรับประเทศไทยที่ไม่มีปรากฏการณ์ภูเขาไฟปะทุให้ตื่นตาตื่นใจเหมือนอีกหลายประเทศทั่วโลกอาจไม่เข้าใจความรู้สึกของรัฐบาลเหล่านั้น ที่ปัจจุบันต้องเหนื่อยรับมือกับนักท่องเที่ยวประเภท “ท้ามฤตยู” มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เหตุที่กล่าวเช่นนั้น เพราะมีรายงานจาก The Royal Geographical Society ประเทศอังกฤษที่ออกคำเตือนไปยังนักท่องเที่ยวผู้ชื่นชอบการชมภูเขาไฟปะทุ หรือ Valcano Tourism ให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และลดความประมาทลงเสียบ้าง ส่วนประเด็นที่ทำให้ต้องออกมากล่าวเตือน เพราะนักภูมิศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์อย่าง “ดร.เอมี่ โดโนแวน” ผู้ศึกษาวิจัยในหัวนี้ระบุว่า นักท่องเที่ยวสามารถสร้างปัญหาให้กับหน่วยงานช่วยเหลือฉุกเฉินได้หากพวกเขายังพยายามจะเข้าใกล้พื้นที่เสี่ยงภัยให้มากที่สุดเช่นทุกวันนี้
โดย ดร.โดโนแวนชี้ว่า ภูเขาไฟปะทุเป็นสิ่งทรงพลัง และดึงดูดให้คนเหล่านี้พากันมาตามปากปล่องภูเขาไฟเพื่อสัมผัสกับประสบการณ์นี้โดยตรง
“พวกเขาอยากมาดูให้เห็นกับตา อยากได้ยินเสียง และอยากสัมผัสความร้อนที่ธรรมชาติสร้างขึ้น แต่มันหมายถึงแก๊สอันตรายบางอย่างที่เราต้องสูดดมเข้าไป รวมถึงเสียงจากธรรมชาติที่อาจจะดังจนเป็นอันตรายด้วย”
นอกจากนั้น ดร.โดโนแวนยังชี้ว่า การมาถึงของสมาร์ทโฟนคือปัจจัยที่ทำให้นักท่องเที่ยวกลุ่มที่ชอบไล่ล่าประสบการณ์เอ็กซ์ตรีมเพิ่มขึ้น เพราะผู้คนอยากจะถ่ายภาพตัวเองโดยมีฉากหลังเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ไม่สามารถเซ็ท หรือทำปลอมขึ้นได้
อย่างไรก็ดี หากลงไปศึกษาจริง ๆ จะพบว่า นอกจากความตื่นเต้นที่คนเหล่านี้อยากได้รับแล้ว พวกเขากลับขาดความระมัดระวัง และไม่ตระหนักว่าพวกเขาสามารถกลายเป็นผู้ประสบภัยจากลาวา หรือหินระเบิดได้อย่างไม่ทันตั้งตัว ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขาอาจทำให้หน่วยงานที่ต้องช่วยเหลือฉุกเฉินได้รับบาดเจ็บ หรือไม่สามารถปฏิบัติตามแผนอพยพได้ด้วย
“นักท่องเที่ยวไม่เข้าใจว่าการปะทุของภูเขาไฟนั้นสามารถเกิดได้รวดเร็วแค่ไหน ยกตัวอย่างกรณีการปะทุของภูเขาไฟในไอซ์แลนด์ ที่ยังมีนักท่องเที่ยวบางกลุ่มปฏิเสธที่จะฟังคำเตือนจากหน่วยงานรักษาความปลอดภัย และว่าจ้างเฮลิคอปเตอร์เข้าไปยังปากปล่องภูเขาไฟในยามค่ำคืนเพื่อชมปรากฏการณ์นี้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว รัฐบาลประเทศต่าง ๆ ไม่สามารถไล่จับกุม หรือเฝ้าระวังได้ตลอด 24 ชั่วโมงอย่างแน่นอน” ดร.โดโนแวนกล่าว
ด้านคนในพื้นที่ที่มีภูเขาไฟ คำแนะนำจากชาวบ้านเหล่านี้คือให้สังเกตสภาพอากาศให้ดี และไม่ให้เข้าไปยังพื้นที่ภูเขาไฟหากท้องฟ้าไม่มีแสงแดด ส่วนคำเตือนเหล่านี้จะได้รับความสนใจแค่ไหน คงต้องอยู่ที่จิตสำนึกของนักท่องเที่ยวแต่ละคนเสียแล้ว