“ม.หอการค้า” คาดสงครามการค้ายังเดือด!! ฉุดส่งออกปีหน้าขยายตัว 6.1 – 7.5% เหตุไทยเป็นประเทศห่วงโซ่การผลิตสินค้าของทั้งจีนและสหรัฐ
รศ.ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย หอการค้าไทย กล่าวว่า ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศฯ ประมาณผลกระทบจากสงครามการค้าปี 2562 ไว้ 3 กรณี คือ
กรณีที่ 1 สหรัฐและจีนมีเก็บภาษีนำเข้าระหว่างกันใน LIST 3 อยู่ที่ 10% ทั้งปี 2562 และไม่มีการเก็บภาษีเพิ่มเติมในรายการสินค้าใหม่ (LIST 1 และ 2 เก็บภาษีที่ 25%)
กรณีที่ 2 สหรัฐและจีนมีเก็บภาษีนำเข้าระหว่างกันใน LIST 3 อยู่ที่ 25% หลังมีนาคมปี 2562 และไม่มีการเก็บภาษีเพิ่มเติมในรายการสินค้าใหม่ (LIST 1 และ 2 เก็บภาษีที่ 25%)
กรณีที่ 3 สหรัฐและจีนมีการเก็บภาษีนำเข้าระหว่างกันอยู่ที่ 25% ในปี 2562 แต่สหรัฐมีการจัดเก็บภาษีเพิ่มเติมในมูลค่าการส่งออก 2.67 แสนล้านเหรียญ และจีนเก็บภาษีเพิ่มเติมในมูลค่าการส่งออก 2 หมื่นล้านเหรียญ (LIST 1 และ 2 เก็บภาษีที่ 25%)
โดยทั้งหมดจะส่งผลกระทบทำให้จีดีพีโลกปี 2562 ลดลง 0.1-0.5% และส่งผลต่อการส่งออกไทยลดลง 0.5-1.9% เหลือขยายตัว 6.1-7.5% คิดเป็นมูลค่าการส่งออกลดลง 1,181-4,427 ล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ เนื่องจากไทยเป็นประเทศที่เป็นห่วงโซ่การผลิตสินค้าจีนและสหรัฐ เมื่อมีการจำกัดการนำเข้าย่อมต้องส่งผลกระทบกับสินค้าส่งออกของไทย โดยกลุ่มสินค้าที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าเหล็ก และจากผลกระทบที่เกิดขึ้นผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะเอสเอ็มอีจำเป็นต้องปรับตัวรับการไหลเข้าของสินค้าที่จะมายังประเทศไทยรวมถึงอาเซียน นอกจากนี้ มองว่าอาเซียนควรมีการปรับใช้วัตถุดิบที่ผลิตภายในมากขึ้น เพื่อลดผลกระทบ
ส่วนกรณีธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% นั้น มองว่าเป็นการสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐและอาจทำให้ประเทศอื่นจำเป็นต้องมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย เพื่อที่จะลดช่องว่างระหว่างดอกเบี้ยนโยบายของแต่ละประเทศ สกัดการไหลเข้าของเงินทุน ทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น โดยผลกระทบที่เกิดขึ้นจะมีในส่วนของเอสเอ็มอี เพราะจะเป็นการเพิ่มต้นทุน ความสามารถชำระหนี้ลดลง อาจส่งผลทำให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้มากขึ้น
