Opinions

‘3 เรื่อง’ที่จะได้เห็นโซลูชัน ‘เอไอ’ปี 62

Avatar photo
293

โซลูชันเอไอ รุ่นใหม่จะมาพิสูจน์ตัวเองให้เป็นที่ประจักษ์ในปี 2562 ในรูปของการสร้างความไว้วางใจ ความเร่งด่วน และความเข้าใจใหม่ๆ เกี่ยวกับสิ่งที่เอไอเป็นอย่างแท้จริง รวมถึงเรื่องที่ว่าเทคโนโลยีนี้จะได้รับการนำไปใช้มากน้อยเพียงใด โดยจะมีโซลูชันสั่งงานด้วยเสียงเป็นหัวหอกสำคัญที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว

ทั้งนี้ จะมีโอกาสได้เห็นหุ่นยนต์ทำหน้าที่หยิบของและนำไปวางในคลังสินค้าอัจฉริยะหลายๆ แห่ง ซึ่งสิ่งนี้จะก่อให้เกิดความได้เปรียบในการแข่งขันครั้งใหญ่เมื่อบรรดาบริษัทต่างๆ หันมาใช้หุ่นยนต์อัตโนมัติช่วยในกระบวนการทำงาน ต่อไปนี้คือการคาดการณ์ 3 เรื่องหลัก สำหรับอุตสาหกรรมการผลิตในปี 2562 เป็นต้นไป

AI
ภาพจาก pixabay

คาดการณ์ที่ 1

50% ของบริษัทด้านการผลิตทั้งหมดจะนำเอไอเข้ามาใช้ในรูปแบบต่างๆ ภายในสิ้นปี 2564  การนำโซลูชันเอไอเข้ามาใช้จะเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง ซึ่งหมายความถึงทุกสิ่ง ทุกอุตสาหกรรม ทุกธุรกิจ ทุกกระบวนการทำงาน และทุกบริษัท จะเห็นได้ว่าขณะนี้โซลูชันเอไอแบบมีกลุ่มเป้าหมายชัดเจนมีพร้อมให้ใช้องค์กรธุรกิจจำนวนมากได้ใช้งานแล้วที่นี่! และเทคโนโลยีนี้จะก่อให้เกิดความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างแน่นอน โดยในปี 2562 จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการขยายตัวของเอไอรูปแบบใหม่ที่มุ่งเฉพาะโครงการและมีเป้าหมายอย่างชัดเจน

‘เอไอ’ โซลูชันเล็กๆ ที่นำมาซึ่งชัยชนะอันยิ่งใหญ่
อุปสรรคสำคัญตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาสำหรับเอไอก็คือคำว่า “เอไอ” นั่นเอง คำนี้ทำให้ผู้ผลิตหลายรายเข้าใจผิดว่าเป็นระบบขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ แต่ที่จริงแล้ว “เอไอ” เป็นเพียงกลุ่มเทคโนโลยีใดเทคโนโลยีหนึ่ง ที่มีเป้าหมายเฉพาะ เช่น การประมวลผลภาษาของมนุษย์ การระบุวัตถุจากภาพถ่าย การใช้คอมพิวเตอร์ตอบแชทลูกค้า การวิเคราะห์ต่างๆ ครอบคลุมไปถึงการทำงานในรูปแบบอัตโนมัติ โดยแต่ละเทคโนโลยีล้วนมีจุดแข็งและการนำไปใช้งานที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่มีร่วมกันก็คือ ความอัจฉริยะ อาทิ ความแม่นยำขั้นสูงและความสามารถที่จะเรียนรู้จากความผิดพลาดได้อย่างชาญฉลาดและรวดเร็วอย่างน่าทึ่ง

โซลูชันเอไอเป็นเครื่องมือที่แม่นยำก็จริง แต่ไม่ใช่เครื่องมือครอบจักรวาล
เมื่อนึกถึงเอไอ ต้องจำไว้ว่า จะนำเอไอมาใช้ไปทั่วเหมือนกับที่ใช้อินเทอร์เน็ตไม่ได้ ก่อนเริ่มโครงการใดๆ ก็ตาม ต้องรู้ก่อนว่าทำโครงการนี้ “ทำไม” อะไรคือผลลัพธ์ทางธุรกิจและเป้าหมายที่คาดหวังไว้ และต้องการยกระดับและปรับปรุงอะไรกันแน่ ยิ่งเป้าหมายของคุณตรงจุดมากเท่าใด ผลประกอบการก็จะเป็นรูปเป็นร่างมากยิ่งขึ้นเท่านั้น

คาดการณ์ที่ 2

25% ของผู้วางแผนการผลิตจะ “พูดคุย” กับระบบอัตโนมัติภายในสิ้นปี 2563
โซลูชันเอไอฉลาดและมีวาทศิลป์มากกว่าที่พวกเราทุกคนคาดคิด เมื่อปีที่แล้วจากการสำรวจความเห็นลูกค้าเอไอรายใหญ่พบว่า 2 ใน 3 ของผู้ที่บอกว่าไม่เคยใช้เอไอมาก่อน กลับเคยใช้เอไอในรูปแบบแชทบอต ซึ่งคุณภาพของเทคโนโลยีนี้สูงมาก

กล่าวคือแชทบอตสามารถปลอมเสียงพูดของมนุษย์ได้อย่างแนบเนียน จากการสำรวจเดียวกันนี้ยังพบด้วยว่า 84% ของกลุ่มตัวอย่างรู้สึกสบายใจเมื่อใช้เอไอแบบที่สามารถสั่งงานด้วยเสียงที่บ้านในรูปแบบของ Alexa, Siri หรือ or Home หากความเรียบง่าย ความรวดเร็ว และความถูกต้องเป็นประโยชน์แก่ลูกค้าเป็นอย่างมากแล้วล่ะก็ ลองคิดดูว่าจะเป็นประโยชน์แค่ไหนหากนำมาใช้กับสายการผลิต

หุ่นยนต์
ภาพจาก pixabay

คาดการณ์ที่ 3

หุ่นยนต์สำหรับหยิบและวางจะทำหน้าที่จัดเก็บสินค้าในกระบวนการผลิตคิดเป็นสัดส่วน 25% ภายในสิ้นปี 2563
หุ่นยนต์ในสายการผลิตมีความจำเป็นมาหลายทศวรรษแล้ว แต่หุ่นยนต์ที่มีเทคโนโลยีเอไอ จะทำให้เกิดความประหยัดและความได้เปรียบด้านการแข่งขันในคลังสินค้าแบบไหนกัน

ตัวอย่าง Amazon ตกเป็นข่าวดังเมื่อไม่นานมานี้เกี่ยวกับคลังสินค้าอัจฉริยะที่ใช้หุ่นยนต์ที่สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าหุ่นยนต์ช่วยยกระดับประสิทธิภาพการทำงานของธุรกิจและช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างมาก สาเหตุก็เพราะหุ่นยนต์ไม่มีดวงตาหรือเลือดเนื้อ จึงไม่จำเป็นต้องใช้แสงไฟและความอบอุ่น ต้นทุนด้านพลังงานจึงลดลง แถมไม่มีข้อจำกัดด้านเวลาพัก การเข้ากะทำงาน หรือข้อจัดของน้ำหนักในการยกสินค้า การหยิบและวางสินค้าโดยหุ่นยนต์มีความยืดหยุ่น คล่องแคล่ว เข้าถึงง่าย และคุ้มค่า

เท่ากับว่าไม่มีเวลาหรือความเหน็ดเหนื่อยที่สูญเปล่า และยังสามารถใช้สอยพื้นที่ได้ดียิ่งกว่าเดิม กล่าวคือคลังสินค้าสามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องเปิดไฟ สามารถเก็บสินค้าและทำสิ่งต่างๆ ได้มากกว่าเดิมโดยที่ไม่จำเป็นต้องขยายพื้นที่ให้ใหญ่กว่าปกติ

แม้ว่าอาจต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าที่ระบบคลังสินค้าแบบใช้หุ่นยนต์เต็มรูปแบบจะเกิดขึ้นจริง แต่สิ่งนี้ได้เริ่มต้นแล้ว โดยบริษัท ไอเอฟเอส มองเห็นบริษัทพันธมิตรที่กล้าลองสิ่งใหม่ๆ เริ่มลงมือสร้างคลังสินค้าที่ใช้ระบบอัตโนมัติกันแล้ว สินค้าที่มีน้ำหนักมากที่ครั้งหนึ่งอาจต้องใช้พนักงานหลายคนมาช่วยกันขนถ่าย ตอนนี้สามารถยกขึ้นจากชั้นวางด้วยหุ่นยนต์ตัวเดียวโดยไม่ต้องเสียแรง เสียเวลา และเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกต่อไป

ในปี 2562 จะเป็นปีที่ได้เห็นเทคโนโลยีที่กล่าวมานี้ในโลกธุรกิจมากขึ้น เทคโนโลยีเหล่านี้จะเข้าถึงปัญหาได้ตรงจุดและมีส่วนขับเคลื่อนโครงการต่างๆ มากขึ้น

สำหรับหลายบริษัทแล้ว ปี 2562 จะเป็นปีที่พวกเขาตระหนักว่าที่จริงแล้ว ไม่จำเป็นต้อง “ขี่เอไอจับตั๊กแตน” เพียงแค่ก้าวเดินไปให้ถูกทางและค่อยเป็นค่อยไป ลงมือทำและค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นสู่จุดสูงสุดครั้งใหม่ให้ได้

 แอนโทนี บอร์น
แอนโทนี บอร์น

บทความโดย แอนโทนี บอร์น ผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรมโลกด้านการผลิต บริษัท ไอเอฟเอส