บอร์ด ทอท. ไฟเขียวกลับมาดัน ‘เทอร์มินอล2’ ต่อ ด้านสายการบินเชียร์ขยายขนาดให้ถึง 40 ล้านคนต่อปี ส่วน ‘ดวงฤทธิ์’ ยืนยันจะคงค่าออกแบบ 329 ล้านบาทจนกว่า ทอท. จะได้ข้อสรุป
รายงานข่าวจากบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า วันนี้ (19 ธ.ค.) ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท. มีมติรับทราบความคืบหน้าแนวทางดำเนินงาน โครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 (Terminal 2) บริเวณด้านทิศเหนือของอาคารเทียบเครื่องบิน A (Concourse A) ในสนามบินสุวรรณภูมิ ตามที่ฝ่ายบริหารเสนอ
แต่บอร์ดขอให้ฝ่ายบริหารไปหารือกับสภาที่ปรึกษาสนามบิน (Airport Consultants Council: ACC) ซึ่งประกอบด้วยสายการบินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกิจการการบินก่อน เพื่อพิจารณาความเหมาะสมของขนาดโครงการ จากนั้นให้ ทอท. นำข้อมูลดังกล่าวมาประกอบการพิจารณากำหนดแนวทางในการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ให้สอดคล้องกับความต้องการของสายการบินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
‘ไอซีเอโอ-สายการบิน’ ไฟเขียวเทอร์มินอล 2
มติบอร์ดดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากฝ่ายบริหาร ทอท. ได้รายงานความเห็นของผู้เกี่ยวข้องและองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ในฐานะผู้จัดทำผังแม่บท (Master Plan) สนามบินสุวรรณภูมิฉบับปี 2552 และปี 2554 ให้ที่ประชุมบอร์ดรับทราบ
สำหรับส่วนของไอซีเอโอนั้น ทอท. ได้ส่งหนังสือสอบถามความเห็นเรื่องการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารแห่งที่ 2 และการใช้ประโยชน์ที่ดินบริเวณด้านทิศเหนือของอาคารเทียบเครื่องบิน A ไปเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2561
จากนั้นไอซีเอโอได้ส่งหนังสือตอบกลับมาในวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า ไอซีเอโอไม่สามารถประสานหาคำตอบเรื่องการปรับลำดับและกำหนดระยะเวลาในการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิระยะต่าง ๆ ตามที่ระบุในแผนแม่บทฉบับเดือนมีนาคม 2554 ได้ในระยะเวลาที่จำกัด
แต่ไอซีเอโอได้ยืนยันว่า โครงการพัฒนาอาคารผู้โดยสารทางเลือก (Optional Terminal) ตามแผนแม่บทฉบับปี 2552 และโครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารเทียบเครื่องบิน A ขนาดย่อม (Concourse A Anex) ตามแผนแม่บทปี 2554 สามารถพัฒนาได้บนที่ดินแปลงเดียวกัน หรือแปลว่าโครงการพัฒนาทั้ง 2 โครงการ เป็นอาคารเดียวกัน
นอกจากนี้ ทอท. ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (International Air Transport Association : IATA) คณะกรรมการดำเนินงานธุรกิจการบิน (Airline Operators Committee : AOC) และ Board of Airline Representatives Business Association (BAR) ร่วมประชุมเรื่องการดำเนินการโครงการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิในวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา
โดยที่ประชุมมีมติรับทราบเรื่องการพัฒนาที่ดินแปลงด้านทิศเหนือของอาคารเทียบเครื่องบิน A เป็นอาคารผู้โดยสาร และมีความเห็นสอดคล้องกับ ทอท. ในการดำเนินการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 บริเวณด้านทิศเหนือว่า จะเป็นการแก้ไขปัญหาที่ดำเนินการได้รวดเร็วและส่งผลกระทบน้อยที่สุด
ชงทีโออาร์ ‘ดิวตี้ฟรี’ เข้าบอร์ดเดือนหน้า
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า หลังจากบอร์ดมีมติรับทราบความคืบหน้าการดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 แล้ว ทอท. ก็จะไปรับฟังความเห็นจากสภาที่ปรึกษาสนามบิน เพื่อสรุปแนวทางการพัฒนาอาคารผู้โดยสารแห่งที่ 2 ต่อไป
สำหรับการเปิดประมูลพื้นที่เชิงพาณิชย์และพื้นที่ร้านค้าปลอดภาษี (Duty Free) ในสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อทดแทนกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ที่กำลังจะหมดสัญญาในวันที่ 27 กันยายนนั้น นายนิตินัยยืนยันว่า จะยื่นร่างเงื่อนไขการประมูล (TOR) เข้าบอร์ด ทอท. ภายในเดือนมกราคม 2562 จากนั้นคาดว่าจะได้ตัวผู้ชนะการประมูลในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2562
เบื้องต้นทีโออาร์ได้ตัดพื้นที่อาคารผู้โดยสารแห่งที่ 2 ออกจากการประมูลแล้ว ส่งผลให้พื้นที่ประมูลเหลือแต่บริเวณอาคารผู้โดยสารแห่งที่ 1 ที่เปิดให้บริการอยู่ในปัจจุบัน และอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (satellite) ซึ่งประเด็นหลักที่จะต้องเสนอให้บอร์ดพิจารณาในเดือนมกราคมนี้ คือ
- ทอท. จะแบ่งงสัญญาสัมปทานตามหมวดหมู่สินค้า (Concession by Category) หรือไม่ ซึ่งผลการศึกษาเบื้องต้นระบุว่า การแบ่งหมวดหมู่สินค้ามีแนวโน้มทำให้สินค้าบางกลุ่มเกิดความสุ่มเสี่ยงด้านธุรกิจในระยะยาว
- การประมูลจะรวมพื้นที่สนามบินกี่แห่ง โดยปัจจุบันสัญญาสัมปทานและสัญญาดิวตี้ได้รวมพื้นที่ 4 สนามบิน ได้แก่ สุวรรณภูมิ, ภูเก็ต, เชียงใหม่ และหาดใหญ่ ซึ่งผลการศึกษาเบื้องต้นก็ระบุว่า ถ้าหากแยกสัญญาสนามบินขนาดเล็กออกไปประมูลแบบเดี่ยวๆ ก็จะไม่คุ้มค่าและไม่มีผู้ประกอบการสนใจ เพราะสนามบินสุวรรณภูมิสร้างรายได้ถึง 80% จากรายได้ทั้งหมด แต่สนามบินหาดใหญ่ ซึ่งเป็นสนามบินขนาดเล็กที่สุด สร้างรายได้เพียง 0.4%
อย่างไรก็ตาม ทอท. ยังไม่ได้สรุปทีโออาร์ทั้งหมด เพราะต้องเสนอผลการศึกษาให้บอร์ดตัดสินใจก่อน ในเดือนมกราคมนี้
‘ดวงฤทธิ์’ ส่งใบยืนราคาค่าออกแบบถึงเดือน มี.ค. 62
นายดวงฤทธิ์ บุนนาค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดวงฤทธิ์ บุนนาค จำกัด ในฐานะแกนนำนิติบุคคลร่วมทำงานดีบีเอแอลพี-นิเคนเซกเก หรือ ‘กลุ่มดวงฤทธิ ‘ ผู้ชนะการประกวดออกแบบอาคารผู้โดยสารแห่งที่ 2 ในสนามบินสุวรรณภูมิ เปิดเผยว่า ทางกลุ่มยืนยันจะคงราคาค่าจ้างออกแบบไว้ที่ 329 ล้านบาทเท่าเดิม โดยใบยืนยันราคาฉบับเดิมมีอายุ 3 เดือนและกำลังจะหมดอายุลงในเดือนธันวาคมนี้
ทางกลุ่มจึงได้ส่งใบยืนยันราคาฉบับใหม่ไปแล้ว เพื่อยืนยันราคาไว้ที่ 329 ล้านบาทถึงเดือนมีนาคม 2562 และจะยืนยันราคาไว้เท่าเดิมจนกว่า ทอท. จะได้ข้อสรุป เนื่องจากการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารแห่งที่ 2 เป็นโครงการสำคัญและเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ จึงต้องการให้โครงการดำเนินได้ต่อไป เพราะถ้าหากต้องประกวดแบบใหม่ ก็ต้องเสียเวลาอีกมาก
ขณะเดียวกันถ้าหาก ทอท. เปลี่ยนแปลงแบบหรือรายละเอียด ทางกลุ่มก็พร้อมจะปรับแบบและรายละเอียดตาม เนื่องจากแบบที่ใช้ในการประกวดก็เป็นเวลาประมาณ 1-2 ปี ซึ่งก็ค่อนข้างเก่าแล้ว และทางกลุ่มก็พร้อมปรับแบบตามความต้องการของผู้ใช้
สายการบินเชียร์ขยายเทอร์มินอล 2 เพิ่มเป็น 40 ล้านคน
รายงานข่าวจากบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า วันนี้ (19 ธ.ค.) ที่ประชุมบอร์ด ทอท. ได้เห็นชอบอัตราค่าจ้างนายนิตินัย สมรรถการ ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. เป็นสมัยที่ 2 และจะเสนอเรื่องให้กระทรวงการคลังพิจารณาต่อไป โดยอัตราค่าจ้างของนายนิตินัยในสมัยที่ 2 ได้ปรับสูงขึ้น เพราะผลการประเมินและผลงานในสมัยที่ 1 อยู่ในระดับที่ดี
นอกจากนี้ บอร์ด ทอท. ได้เห็นชอบให้ดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารแห่งที่ 2 ต่อไป โดยให้ ทอท. ไปหารือกับสภาที่ปรึกษาสนามบินเรื่องขนาดอาคารผู้โดยสารแห่งที่ 2 และให้เสนอเรื่องกลับเข้าบอร์ดภายในเดือนมกราคม 2562
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามีสายการบินและผู้เกี่ยวข้องกับธุรกิจการบินบางกลุ่ม ได้เสนอให้ ทอท. ขยายความสามารถในการรองรับของอาคารผู้โดยสารแห่งที่ 2 เพิ่มจาก 30 ล้านคนต่อปี เป็น 35-40 ล้านคนต่อปี เพราะเห็นว่าอาคารผู้โดยสารหลังที่ 1 ในปัจจุบันมีความแออัดมาก อีกทั้งการลงทุนอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ก็ล่าช้ามาระยะหนึ่งแล้ว จึงควรขยายอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ให้ใหญ่ขึ้นและเพียงพอกับการขยายตัวในอนาคต
โดย ทอท. ได้รับความเห็นดังกล่าวไว้พิจารณา แต่ยังต้องประมวลผลและสรุปเรื่องอีกครั้ง เพราะสายการบินและผู้เกี่ยวข้องก็ได้ยื่นข้อเสนออื่นๆ ด้วย อย่างไรก็ตาม ถ้าหาก ทอท. รับข้อเสนอเรื่องขยายอาคารผู้โดยสารแห่งที่ 2 เป็น 35-40 ล้านคนต่อปี ก็คงต้องปรับแบบอีกครั้ง