The Bangkok Insight

‘วอริกซ์’ แบรนด์ไทยโตเร็ววางเป้าผู้นำชุดกีฬาอาเซียน

ชุดกีฬาแบรนด์ไทยน้องใหม่มาแรงอย่าง “วอริกซ์” Warrix แม้จะเปิดตัวมาได้เพียง 5 ปี แต่สามารถสร้างยอดขายเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง ได้ไลเซ่นส์ ผลิตและจำหน่ายชุดนักเตะทีมชาติไทยสัญญา 4 ปีมาครอง และล่าสุดยังได้ไลเซ่นส์ชุดทีมชาตินักเตะเมียนมา สัญญา 6 ปี 2 เดือนเมื่อไม่นานนี้ ถนนสายธุรกิจชุดกีฬาของ “วอริกซ์” มีก้าวย่างการเติบโตที่น่าติดตาม

BD73D78F 0838 4B99 A02F 4375B080D980
นายวิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล

นายวิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอริกซ์ สปอร์ต จำกัด กล่าวว่า วอริกซ์ พยายามสร้างความแตกต่าง จากชุดกีฬาที่มีอยู่ในตลาด ด้วยคุณภาพสินค้าเกรดเดียวกับชุดกีฬาระดับเวิลด์คลาส ด้วยการผลิต การเลือกวัตถุดิบ และการออกแบบที่เป็นสไตล์ของวอริกซ์ คือมินิมอล มีความเป็นไทย แต่เทียบคุณภาพเวิลด์คลาส ใช้โรงงานผลิดเดียวกัน เนื้อผ้าเดียวกัน แต่จำหน่ายในราคาที่จับต้องได้ 

ยอดขายปีที่ 5 ทะลุ 660 ล้านบาท

ทำให้การยอมรับในแบรนด์ “วอริกซ์” เติบโตอย่างรวดเร็ว ภายในเวลา 5 ปี ยอดขายจากปีแรกที่ทำได้ 10 ล้านบาท เติบโตแบบก้าวกระโดดมาเป็นมากกว่า 500 ล้านบาทในปี 2560 และในปี 2561 นี้คาดว่าจะปิดยอดขายได้ที่ 660 ล้านบาท เติบโต 21% ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงของตลาดชุดกีฬา มูลค่ารวม 30,000 ล้านบาทต่อปี 

ในปีนี้นอกจากการได้สิทธิ์ผลิตและจำหน่ายชุดกีฬาให้กับนักฟุตบอลทีมชาติไทย สัญญา 4 ปีค่าไลเซ่นส์ปีละ 100 ล้านบาทแล้ว ปีนี้ “วอริกซ์” ยังได้สิทธิ์ผลิตและจำหน่าย ชุดนักเตะให้กับทีมชาติเมียนมา สัญญา 6 ปี 2 เดือน ด้วยค่าไลเซ่นส์ 6 ล้านดอลลาร์ หรือราว 198 ล้านบาท และยังมีการขยายผู้แทนจำหน่ายในเมียนมา เพิ่มเติม จากมาเลเซีย และสิงคโปร์ ด้วย 

D6F66131 9DCA 4CFD 9C80 E87C45E0661E
ชุดทีมชาติไทย 2019

“เราต้องการขยายตลาดชุดกีฬา ไปในกลุ่มประเทศอาเซียนเพิ่มขึ้น คาดหวังตลาดจากประชากรเกินครึ่งของอาเซียน และภายใน 5 ปีคาดว่าจะเป็นแบรนด์ที่รู้จักและยอมรับทั่วอาเซียน ยอดขายที่วางไว้ ประมาณ 2,000 ล้านบาท” นายวิศัลย์ กล่าว และว่าแผนที่บริษัทต้องการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อระดมทุนก็ยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง 

สร้างแบรนด์ด้วยคุณภาพสินค้า

สำหรับประเทศไทย ตลาดชุดกีฬายังคงเติบโตด้วยดี 2 ปีที่ผ่านมา วอริกซ์จำหน่ายเสื้อกีฬาไปแล้ว 1 ล้านตัว และถ้าเลือกดูเฉพาะไลเซ่นส์ชุดทีมชาติไทย 4 ปี คาดว่าจะขายเสื้อได้ 4 ล้านชิ้น มีการซื้อซ้ำจากลูกค้าซึ่งคาดว่ามีไม่น้อยกว่า 2 ล้านคน 

เราทำเสื้อกีฬาไม่ได้เอากำไรสูงสุดเป็นที่ตั้ง แต่จะเน้นที่คุณภาพ และการสร้างแบรนด์ 

ผู้บริหารวอริกซ์ ย้ำว่าชุดกีฬาของบริษัทจะมีความโดดเด่นทั้งคุณภาพที่ได้มาตรฐานสากล และแบบที่มีความเฉพาะตัว ดีไซน์แบบมินิมอลแต่เน้นรูปแบบความเป็นไทย และที่สำคัญราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับคุณภาพ เพราะถือหลักคิดว่า สินค้าต้องแข่งขันได้ด้วยตัวเอง ต้องสู้สินค้าลอกเลียนแบบได้ เพราะราคาไม่ต่างกันมาก 

155E9C44 BD6D 47BD 827B DB9EE3206CEF
ชุดเชียร์แฟนบอล

เพิ่มไลน์สตรีทสปอร์ตแวร์

สินค้าวอริกซ์ ราคาไม่แพง ถ้าวอริกซ์ขายราคา 199-500 บาท เทียบคุณภาพเดียวกันแบรนด์ต่างชาติขายกว่า 1,000 บาท และหาก วอริกซ์ขายที่ 1,000 บาท คุณภาพสินค้าเทียบแบรนด์ต่างประเทศราคาจะไม่ต่ำกว่า 3,000-10,000 บาท 

ในปีหน้า วอริกซ์จะขยายฐานกลุ่มลูกค้ามีอายุต่ำลง และกว้างขึ้นมาอยู่ที่ 15-45 ปี และจะมีการออกสินค้า แนวสตรีทแวร์ เป็นสปอร์ตแวร์แนวไลฟ์สไตล์ ที่ใส่ในชีวิตประจำวันได้มากขึ้น และจะเป็นสินค้ากลุ่มป้ายขาว ราคาประมาณ 1,000 บาท ออกมาจับกลุ่มแฟชั่นสปอร์ตที่กำลังมาแรง

ขณะเดียวกันก็เริ่มออกไลน์สินค้าใหม่เป็น รองเท้าวิ่งที่เป็นแนวแฟชั่น ซึ่งทดลองผลิตออกมาจำหน่ายแล้ว ได้การตอบรับจากตลาดดีมาก 

เปิดชุดช้างศึก 2019 คอนเซ็ปท์ใหม่

ส่วนชุดทีมชาติไทย ล่าสุดได้เปิดตัวขุดแข่งประจำปี 2019 ออกมา พร้อมวางคอนเซ็ปต์ตามเพลง “Now or Never” ปลุกพลังนักเตะและทีมขาติไทย และสร้างปรากฎการณ์เปิดตัวเพลง “Now or Never” ร้องโดย เวย์-ไทเทเนี่ยม เรียกพลังเชียร์จากคนไทยทั้งประเทศ 

โดยออกสินค้าใหม่ ชุดทีมชาติไทย 3 แบบ ชุดแข่งสำหรับนักเตะ ชุดแข่งสำหรับแฟนบอล และเสื้อเชียร์ทีมขาติไทย โดยอกแบบให้มีรูปลักษณ์เดียวกัน ทั้งนักเตะและแฟนบอลทั่วประเทศ 

529984AE AD6D 43E1 A9D2 A5D04DB2BDDC
ชุดทีมชาติ 2019

รุกหนักตลาดออนไลน์ 

สำหรับการทำตลาด นายสิศัลย์ กล่าวว่า ตลาดที่มาแรงและน่าสนใจคือตลาดออนไลน์ ซึ่งขายได้ทั้งไทยและต่างประเทศ โดยวอริกซ์ มีแพลตฟอร์มตลาดออนไลน์ทั้งผ่านเว็บวอริกซ์เองซึ่งมียอดขายสูงที่สุด และมาร์เก็ตเพลซอื่นๆ เช่น ช้อปปี้ ลาซาด้า

สัดส่วนตลาดออนไลน์เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุด มีสัดส่วนราว 10% จากยอดขายรวม 660 ล้านบาท แต่เป็นช่องทางที่เติบโตอย่างน่าสนใจ บริษัทจะเพิ่มน้ำหนักการทำตลาดออนไลน์เพิ่มขึ้น รวมทั้งการทำตลาดผ่าน เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ทุกช่องทางออนไลน์ 

อย่างไรก็ตามยอดขายหลัก ยังคงมาจากร้านวอริกซ์เอง ที่มีอยู่ 6 แห่ง และเคาน์เตอร์วอริกซ์ ในศูนย์การค้าที่มีอยู่ 16 แห่ง และในปีนี้นอกจากยอดขายเพิ่มขึ้น วอริกซ์ยังได้ลงทุนต่างๆ เพิ่มขึ้น ย้ายแวร์เฮาส์มาอยู่ที่ใหญ่ขึ้น และลงทุนซอฟต์แวร์ ในระบบโลจิสติกส์สำหรับเช็คยอดและติดตามการจัดส่งสินค้าให้ทันสมัยยิ่งขึ้นด้วย 

Avatar photo