หลังจาก ที่ประชุมสภานิติบัญญัติชาติ (สนช.) ได้ประชุมพิจารณาร่างพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่..) พ.ศ… วาระแรก เพื่อแก้ไขพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ปลดล็อกให้ กัญชาสามารถใช้เป็นยารักษาโรคได้
โดยสาระสำคัญและประโยชน์ของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ เป็นการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 กำหนดให้สามารถขออนุญาต ผลิต นำเข้าหรือส่งออก ยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ซึ่งประกอบด้วยกัญชา และกระท่อม เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ สามารถนำไปใช้ในการรักษาโรคเฉพาะตัวได้
เช่นเดียวกับยาเสพติดให้โทษประเภท2 แบบฝิ่น โดยไม่ได้รวมถึงการใช้เสพเพื่อสันทนาการ หลายคนมีความเห็นแตกต่างกันไป ล่าสุดซูเปอร์โพล ได้ทำการสำรวจเรื่องนี้ พบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ เห็นด้วยกับการแก้ไขร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว
ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) มูลนิธิสถาบันวิจัยความสุขชุมชน และความเป็นผู้นำ นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง กฎหมาย กระท่อม กัญชา กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพ จำนวนทั้งสิ้น 1,055 ตัวอย่าง
โดยดำเนินโครงการระหว่าง วันที่ 10–14 ธันวาคม 2561 พบว่า คนส่วนใหญ่หรือ 81.65% เคยได้ยินประโยชน์ของกัญชา และ 69.89% เคยได้ยินประโยชน์ของกระท่อม โดยส่วนใหญ่หรือ 62.91% เชื่อว่ากัญชาเป็นยารักษาโรคได้ และ 61.31% เชื่อว่า กระท่อม เป็นยารักษาโรคได้
ผลสำรวจยังพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่หรือ 76.46% สนับสนุนเปลี่ยนแปลงกฎหมาย ให้กระท่อม กัญชา จากพืชยาเสพติด เป็น พืชยารักษาโรคได้
อย่างไรก็ตาม ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือ 95.41% ไม่ยินยอมให้ต่างชาติมาจดทะเบียนสิทธิใช้ประโยชน์ จากกัญชาของประเทศไทย และ 96.14% ไม่ยินยอมให้ต่างชาติมาจดทะเบียนสิทธิใช้ประโยชน์จากกระท่อมของประเทศไทย
นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างเกินครึ่งหรือ 55.84% เชื่อมั่นแก้กฎหมายกัญชาและกระท่อม ไม่ยอมให้ต่างชาติแทรกแซง ในขณะที่จำนวนมากหรือ 44.16% ไม่เชื่อมั่น