คลังปรับเกณฑ์แจกบัตรคนจนรอบใหม่ เน้นดู”รายได้บุคคล-ครอบครัว”หลังวิจารณ์สนั่นโซเชียล คนมีบัตรใส่สร้อยทองกด 500 โพสต์เฟซบุ๊กโชว์
หลังจากเกิดดราม่าหญิงสาวโพสต์โชว์บัตรคนจน แต่สวมสร้อยคอทองคำ จนมีการตั้งคำถามตามมาว่าทำไมคนจนจริงๆ ถึงไม่ได้รับบัตรคนจน
จนทำให้เกิดกระแสวิพาวิวิจารณ์ เกี่ยวกับผู้มีรายได้น้อย จนทำให้เกิดการปรับหลักเกณฑ์การแจกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ในการลงทะเบียนผู้มีสิทธิ์รับบัตรรอบใหม่ปี 2562
ปัญหาดังกล่าวทำให้พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถึงกับต้องสั่งให้กระทรวงการคลังไปสอบว่า “ใครจนไม่จริงต้องเรียกเงินคืนหลวง ถ้าไม่ใช่คนจนจริงๆ ก็ให้ถอนสิทธิ์ไป”
เรื่องนี้นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่ากระทรวงการคลังจะประเมินผลการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐในวันที่ 17 ธันวาคมนี้ โดยยอมรับว่ายังต้องปรับปรุงแก้ไขในบางจุด เช่น การลงทะเบียนรายบุคคลอาจไม่ตอบโจทย์ทั้งหมด เพราะเป็นการตรวจสอบคุณสมบัติรายบุคคลเท่านั้น ถ้าไม่มีรายได้ ไม่ได้ครอบครองทรัพย์สินอะไร ก็จะได้รับสิทธิ์ ไม่ได้ตรวจสอบรวมถึงครอบครัวด้วย บางครอบครัวมีฐานะดี ทรัพย์สินอยู่ในชื่อคนอื่น จึงมีเหตุการณ์ว่าทำไมมีฐานะดีแล้วยังได้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
ดังนั้นการลงทะเบียนรอบใหม่ในปี 2562 ต้องลงทะเบียนทั้งรายบุคคลและลงทะเบียนครอบครัวด้วย เพื่อจะทำให้เห็นว่า ครอบครัวไหนรายได้ดีหรือไม่ดี เชื่อว่าจะคัดครองผู้มีรายได้น้อยจริงๆได้มากขึ้น พร้อมให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ไปตรวจสอบผู้มีรายได้ที่อาจจะขาดคุณสมบัติ หากพบขาดคุณสมบัติ ก็จะถูกตัดสิทธิ และนำเงินกลับคืนทันที เพราะการให้เงิน 500 บาท เพื่อช่วยผู้มีรายได้น้อยจริงๆ ให้มีค่าใช้จ่ายในช่วงปลายปี
นอกจากเงิน 500 บาทที่ใส่ในกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ให้ผู้มีรายได้น้อยแล้ว ก็ยังมีเงินช่วยเหลือค่าเช่าบ้านสำหรับ ผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 400 บาท/คน/เดือน ให้เป็นเวลา 10 เดือน ตั้งแต่เดือนธันวาคม2561 – กันยายน 2562 ซึ่งโอนไปแล้ว
ขณะเดียวกันวันนี้(14 ธ.ค.) จะมีการโอนคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 5% จากยอดใช้จ่ายผ่านบัตรคนจนเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เป็นเดือนแรก มีจำนวน 362,531 ราย เป็นเงิน 4.4 ล้านบาท ส่วนในเดือนถัดไปจะคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้ทุกวันที่ 15 ของเดือน
ส่วนวันที่ 21 ธันวาคม 2561 จะมีค่าช่วยเหลือ ค่าเดินทางไปรักษาพยาบาลสำหรับผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย ที่อายุเกิน 65 ปีขึ้นไป อีก 1,000 บาท จำนวน 3.5 ล้านคน รวมวงเงิน 3,500 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี เงินในบัตรไม่จำกัดเวลาการใช้ ไม่มีการดึงเงินกลับคืน ดังนั้นไม่ต้องต่อคิวกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มของแบงก์กรุงไทย เนื่องจากหลายพื้นที่ยังมีคนไปเข้าแถวกดเงินสด ซึ่งยังสามารถนำไปใช้ร่วมกับวงเงินในบัตรสวัสดิการ ไปซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นผ่านทางร้านธงฟ้าได้
ส่วนยอดการโอนเงิน 500 บาท กรมบัญชีกลาง บอกว่ามีการจ่ายเงินแล้วทั้งสิ้น 11.3 ล้านราย เป็นเงิน 5,660 ล้านบาท มีการกดเงินสดไปแล้ว 4.6 ล้านราย รวมเงิน 2,300 ล้านบาท
สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนเพิ่มเติมในกลุ่มผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ ที่ยังไม่ได้บัตร ขณะนี้กำลังผลิตบัตรประมาณ 3 ล้านใบ ซึ่งจะจัดส่งบัตรไปยังสำนักงานคลังจังหวัดทั้ง 76 แห่งทั่วประเทศ และศาลาว่าการกรุงเทพฯ เพื่อส่งต่อไปยังผู้มีสิทธิ์ โดยจะเริ่มแจกบัตรให้กับผู้มีสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม 2561 จนถึงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนธันวาคมนี้ เพื่อจะเริ่มใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562
