Sport

‘เวนเกอร์’ยอดกุนซือ+นักบริหารยอดเยี่ยม

เวนเกอร์ประกาศลาอาร์เซน่อลหลังจบซีซั่น
ภาพจาก: www.arsenal.com

ในที่สุดอาร์แซน เวนเกอร์ ก็ประกาศปิดตำนาน 22 ปีกับ “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อลงเป็นที่เรียบร้อยเมื่อซีซั่นนี้ปิดฉากลงในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม

เวนเกอร์เข้ามาเปลี่ยนแปลงทัพปืนใหญ่จาก Boring Boring Arsenal หรือ ทีมอาร์เซน่อลสุดน่าเบื่อ มาเป็นทีมทมี่เล่นบอลสวยงาม ต่อบอลวันทัชอย่างมีประสิทธิภาพ จนพาทีมประสบความสำเร็จมากมายโดยเฉพาะ”แชมป์ไร้พ่าย” ซีซั่น 2003-2004 ที่ยากจะมีทีมใดทำได้

แม้ระยะหลังเหล่า “เดอะ กันเนอร์ส” จะเริ่มหมดความอดทนกับกุนซือเฟร้นช์แมนเมื่อเขาไม่ได้แชมป์ลีกมายาวนาน 14 ปี และอันดับของทีมก็เริ่มหลุดจากท็อปโฟร์จนเกิดกระแสแคมเปญ Wenger Out ชูป้ายกันทั่วโลกไม่เว้นแต่ในงานคอนเสิร์ตเพื่อกดดันให้ทีมปลดเวนเกอร์ออกจากตำแหน่งเสียที

แต่เวนเกอร์ ยังยืนหยัดอยู่กับทีมได้มาตลอด ไม่มีผู้บริหารคนไหน คิดจะปลดเขาออกจากทีม…เป็นเพราะอะไร? ทำไมจึงยังหนุนหลังทั้งที่ทีมไม่ประสบความสำเร็จ

การบริหารจัดการของเวนเกอร์คือสิ่งที่ทำให้บอร์ดบริหารหนุนหลังเขามาตลอด กุนซือชาวฝรั่งเศสเข้ามาปลดแอกทีมจากตัวแดงเป็นเลขบวก

ปี 2006 อาร์เซน่อล ตัดสินใจย้ายสนามจากไฮบิวรี่ มาสู่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม พวกเขาต้องกู้เงินจากธนาคารเพื่อสร้างสนามใหม่ และมีหนี้สิ้นมากกว่า 300 ล้านปอนด์ (ประมาณ 13,500 ล้านบาท)ส่งผลให้แทบไม่มีงบประมาณในการซื้อนักเตะเข้ามาเสริมทัพ

ในขณะที่ทีมอื่นๆในพรีเมียร์ลีก จ่ายเงินกันราว 100 ล้านปอนด์เพื่อไล่ล่าแชมป์ แต่อาร์เซน่อลในฤดูกาล 2006-07 มีเงินซื้อนักเตะใหม่ 0 ปอนด์ คือต้องยอมขายบางรายก่อน เพื่อนำเงินไปซื้อตัวใหม่

ฤดูกาล 2006-07 ขายนักเตะได้เงิน 10.5 ล้านปอนด์ แต่ใช้เงินซื้อนักเตะไปเพียง 4.4 ล้านปอนด์

ฤดูกาล 2007-08 ขายนักเตะได้เงิน 37.5 ล้านปอนด์ แต่ใช้เงินเพียง 19.5 ล้านปอนด์ในการเสริมทัพ

ฤดูกาล 2008-09 ขายนักเตะได้เงิน 15.9 ล้านปอนด์ แต่จ่ายค่าเสริมทัพไปเพียง 17.5 ล้านปอนด์

ฤดูกาล 2009-10 ขายนักเตะได้เงิน 41 ล้านปอนด์ แต่ใช้เงินไปเพียง 10 ล้านปอนด์

อาร์เซน่อลเอาเงินที่เหลือจากการขายนักเตะรวมทั้งเงินรางวัลต่างๆที่ได้จากการแข่งขันทั้งในพรีเมียร์ลีกและถ้วยยุโรป ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ไปโปะหนี้สนาม แม้จะได้งบประมาณแบบจำกัดจำเขี่ยแต่เวนเกอร์ก็ประคองตัวมาได้ตลอด พาทีมติดท็อปโฟร์ได้ทุกปี

ตั้งแต่ย้ายสนามใหม่เวนเกอร์ ไม่เคยซื้อนักเตะราคาแพงกว่า 15 ล้านปอนด์ จนถึงปี 2013 ที่ซื้อเมซุต โอซิลเข้ามา ในราคา 42.5 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นเพราะการเงินของทีมเริ่มดีขึ้นโดยเขาต้องอดทนมานานถึง 8 ปีเต็มๆ

จากการบริหารการเงินที่ยอดเยี่ยม ทำให้อาร์เซน่อลปลดหนี้ได้ และยังคงติดท็อปโฟร์อย่างสม่ำเสมอ ทำให้ผู้บริหาร ชื่นชมในการบริหารจัดการเป็นอย่างมาก และมองข้ามผลงานในลีก 1-2 ปีหลังที่หลุดท็อปโฟร์ไปได้

แชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัย เอฟเอคัพ 7 สมัย อาร์แซน เวนเกอร์ คือผู้จัดการทีมที่ได้แชมป์มากที่สุดในประวัติศาสตร์อาร์เซน่อล และยังเป็นนักบริหารมือทองที่ยากจะหาใครมาเทียบ

Avatar photo