ลาวติดตามแผนพีดีพี 2018 ของไทย ระบุพร้อมขายไฟฟ้าเพิ่มให้ไทย ยันกำลังผลิตพร้อมขายกว่า 30,000 เมกะวัตต์ทุกเชื้อเพลิง ทั้งพลังน้ำ ถ่านหิน และพลังงานทดแทน ส่วนกรอบความร่วมมือป้อนไฟฟ้าไทย 9,000 เมกะวัตต์ ย้ำจะส่งให้ไทยทั้งหมดได้ภายใน 5 ปี
ดร.คำมะนี อินทิลาด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และบ่อแร่ ของลาว เปิดเผยว่าไทย และลาว มีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) เพื่อซื้อขายไฟฟ้าระหว่างกันตั้งแต่ 50 ปีก่อนผ่านระบบสายส่งไฟฟ้าสองประเทศ โดยมีการป้อนกำลังผลิตให้ไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 30 เมกะวัตต์ มากว่า 4,000 เมกะวัตต์ใน 7 โครงการ จากกรอบการลงนามความร่วมมือ 9,000 เมกะวัตต์ มีการลงนามซื้อขายไฟฟ้า (พีพีเอ) แล้ว 7,000 เมกะวัตต์
ในปีหน้าจะมีโครงการที่เข้าระบบอีกประมาณ 2,000 เมกะวัตต์ จาก 3 โครงการ ประกอบด้วย ไซยะบุรี กำลังผลิต 1,285 เมกะวัตต์ โครงการน้ำเงี๊ยบ1 กำลังผลิต 270 เมกะวัตต์ และน้ำเทิน1 กำลังผลิต 600 เมกะวัตต์
สำหรับกำลังผลิตไฟฟ้าที่เหลือประมาณ 2,000 – 3,000 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างการเจรจาค่าไฟฟ้า คาดว่าจะมีการลงนามพีพีเอได้ทั้งหมด ส่งไฟฟ้าให้ได้ตามแผนภายในปี 2568-2570
ปัจจุบันมีโครงการน้ำงึม 3 ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง คืบหน้า 60% รวมถึงโครงการดอนสะหง ที่ใกล้แล้วเสร็จ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาค่าไฟฟ้ากับไทย ในส่วนของน้ำงึม 3 ค่าไฟน่าจะเท่ากับน้ำเทิน 1
ทั้งนี้ โครงการผลิตไฟฟ้าของลาว มีแผนดำเนินการอีกหลายโครงการ อาทิ ปากเบ็ง ปากลาย สานะคาม เป็นต้น ซึ่งลาวพร้อมที่จะขายให้ หากไทยต้องการ โดยปัจจุบันลาวมีศักยภาพในการผลิตไฟฟ้าถึง 30,000 เมกะวัตต์ ที่พร้อมขายให้กับประเทศต่างๆรวมถึงไทย หากต้องการ
นายคำมะนี กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการเซเปียนเซน้ำน้อยว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่าง การสอบสวน และปรับปรุงโครงการ คาดว่าจะส่งไฟฟ้าให้ไทยได้ในปลายปี 2562 สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้น ผู้พัฒนาโครงการจะเป็นผู้รับผิดชอบในผลที่เกิดขึ้นทั้งหมด
ปัจจุบันมีหลายประเทศที่ลาวกำลังขายไฟฟ้าให้ในฐานะแบตเตอร์รี่ของเอเชีย ทั้งพลังน้ำ ถ่านหิน แสงอาทิตย์ ลม ผ่านสายส่งไฟฟ้าอาเซียน (Asean Grid) กริด ได้แก่ เวียดนาม กัมพูชา เมียนมา และมาเลเซีย โดยมีไทยเป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญ
