ELEMENTS ความสำเร็จสู่มิชลินสตาร์
เมื่อเดือน ธันวาคม 2560 เป็นครั้งแรกที่ร้านอาหารในประเทศไทย ที่มีชื่อเสียงดังระดับโลก มีโอกาสได้ดาวมาประดับร้านเสียที
MICHELIN GUIDE 2018 ได้ถือกำเนิดอย่างเป็นทางการ โดยมีผู้สนับสนุนหลักคือการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ทำสัญญากับทาง MICHELIN GUIDE เป็นเวลา 5 ปี เพื่อเป็นการโปรโมทการท่องเที่ยว เช่นเดียวกับที่หลายๆประเทศในโลกสามารถทำรายได้ จาก ‘นักเดินทางสายกินลิ้นติดดาว’ ที่เวลาเดินทางจะต้องเป็น ‘หนึ่งในสิ่งที่ต้องทำ ‘ เวลาเดินทางท่องเที่ยว
การจัดอันดับของ MICHELIN GUIDE คือการให้ ‘ดาว’ กับร้านอาหารที่คุณภาพดีที่สุด โดยพิจารณาจาก คุณภาพวัตถุดิบ, เทคนิคการปรุงอาหาร, รสชาติอาหาร, ความคิดสร้างสรรค์ และความเสมอต้นเสมอปลาย
เกณฑ์การให้ดาว ของ MICHELIN GUIDE
ร้านอาหารที่ได้ 3 ดาว ถือเป็นสุดยอดร้านอาหาร ที่ควรค่าแก่การเดินทางไกลเพื่อไปชิมสักครั้ง
ร้านอาหารที่ได้ 2 ดาว คือ ร้านอาหารยอดเยี่ยม ที่ควรค่าแก่การขับรถออกนอกเส้นทางเพื่อแวะชิม
ร้านอาหารที่ได้ 1 ดาว คือ ร้านอาหารคุณภาพสูง ที่ควรค่าแก่การหยุดแวะชิม
วันนี้ได้มีโอกาสไปลิ้มลองอาหารเลิศรสของร้านอาหาร ELEMENTS – มิชลินสตาร์ 1 ดาว ที่โรงแรม The Okura Prestige Bangkok พิเศษสุดสำหรับวันนี้คือเชฟ Antony Scholtmeyer – เชฟใหญ่ของร้าน และของโรงแรมเป็นคนแนะนำ และสั่งอาหารทุกจาน มานั่งทานด้วยกันเลย เชฟ Antony เป็นเชฟที่มีฝีมือ เชฟมาเริ่มงานเป็น Executive Chef ที่โรงแรมนี้ และได้ดูแลร้านอาหาร ELEMENTS ด้วย เชฟได้เปลี่ยน concept ของอาหารมาเป็น อาหารฝรั่งเศสที่ผสมผสานกับวัตถุดิบและเทคนิคการทำอาหารญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว
ร้านอาหารเป็นที่รู้จักมากขึ้น ลูกค้าประทับใจกับรสชาติความอร่อยและความสวยงามของการตกแต่งจานที่ลงตัว อาหารจานไม่ใหญ่มาก ทำให้สามารถทานได้หลากหลายเมนู เป็นเวลา 2 ปี ที่เชฟฟูมฟักดูแลร้านอาหารนี้ จนถึงวันที่ประกาศรายชื่อร้านอาหารที่ได้รับรางวัล Michelin Star ร้าน ELEMENTS ก็ได้รับรางวัลเป็นร้านอาหารมิชลิน 1 ดาวมาอย่างน่าภาคภูมิใจ
มารู้จักกับ Chef Antony Scholtmeyer กันหน่อย
เชฟเป็นชาวออสเตรเลีย เริ่มอาชีพพ่อครัวเมื่ออายุ 16 ปี แล้วเดินทางสู่โลกกว้างไปทำงานในยุโรปเมื่ออายุ 21 ปี เรียนรู้เทคนิคการทำอาหารฝรั่งเศส หลังจากนั้นก็ไปทำงานร้านอาหารที่ ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น เป็นที่ที่เชฟได้รู้ว่าวัตถุดิบอาหารที่มีคุณภาพระดับพรีเมียม มาจากดินแดนเหนือสุดของดินแดนอาทิตย์อุทัยนี่เอง เชฟตกหลุมรักเมืองฮอกไกโดเข้าอย่างจัง จนถึงขนาดว่าถ้าเกษียณแล้ว จะไปตั้งรกรากและเปิดร้านอาหารที่เมืองนี้เลย
วันนี้เชฟตั้งใจสั่งอาหารมาให้ลองชิมหลายจานเลย การจะเป็นร้านอาหารมิชลินได้ อาหารแต่ละจานเห็นถึงความพิถีพิถัน ใส่ใจในทุกรายละเอียด การเลือกวัตถุดิบชั้นยอดในการรังสรรค์แต่ละเมนูของเชฟ
แม้แต่เนยที่เสิร์ฟพร้อมขนมปัง ยังมีความพิเศษ เป็นเนยฝรั่งเศสอย่างดี ส่วน signature butter จะเป็น ‘Smoked white Miso butter’ เสิร์ฟเนยมา 2 แบบ เพื่อให้เลือกทากับขนมปัง ที่มีให้เลือก 3 แบบ Buck Wheat Bread ขนมปังที่ทำจากแป้งโซบะ Soft Roll มีสาหร่ายวางไว้ด้านบน เป็นกลิ่นอายของความเป็นญี่ปุนเรื่อมาอยู่บนขนมปังทั้ง 2 แบบนี้
ส่วนชนิดที่ 3 เป็น Croissant แต่รูปทรงก็ไม่เหมือนกับครัวซองต์ทั่วไป คล้ายกับบริยอชมากกว่า ขอบอกว่า‘เนยสโมกไวท์มิโสะ’ มีความพิเศษอยู่ที่ความนุุ่มของเนื้ิอเนย ที่นำมาตีผสมกับ ‘ซอสมิโสะขาว’ ให้รสชาติที่ลงตัว และมีกลิ่นรมควันยิ่งทำให้ชวนอร่อยมากขึ้นเวลาทาบนขนมปัง
จานแรกเชฟเสิร์ฟ ‘Amuse Bouche’ of the day เป็น Tuna Onigiri ความอร่อยอยู่ที่ความสดของปลาทูน่า และไข่ปลา ยังหอมอร่อยมากขึ้นไปอีกด้วยงาดำ และสาหร่าย แล้วห่อด้วยแผ่นกระดาษข้าว เป็นรสชาติที่ลงตัวและนัวด้วยมายองเนส สามารถเรียกน้ำย่อยเปิดมื้อได้ดี
Raw Appetiser จานแรกเป็น ‘HAMACHI’ – ปลาฮามาจิ แช่ในน้ำจากผิวยูสุขูด เสิร์ฟมาพร้อมกับ Tomato Terrine ใบวาซาบิ และ ซอสสาหร่าย ความพิเศษของจานนี้คือความสดของปลาฮามาจิ ตัดกับความเปรี้ยวและความหอมของยูสุ ทานพร้อมกับ Tomato Terrine ลงตัวมาก เป็นเมนูที่ทานแล้วสดชื่น
จานถัดไปคือ WHITE ASPARAGUS AND SMOKED TOFU จานนี้เป็นอีกจานที่มีการผสมผสานที่ลงตัวของความนุ่มหวานของหน่อไม้ฝรั่งขาว ไข่แดง ต้องเจาะให้แตกให้ผสมกับซอสหัวไช้เท้าญี่ปุ่นรมควัน ทานกับไข่ปลาแซลมอน และแผ่นเวเฟอร์ที่ทำจากแป้งโซบะ หน้าตาและสีสันของจานนี้ดูมีคลาส รสชาติก็อร่อย
OYSTER เป็นอีกเมนูที่คอหอยนางรมไม่ควรพลาด เป็นหอยนางรมจากฝรั่งเศส สายพันธุ์ลาลูน ความพิเศษคือต้องจับในวันพระจันทร์เต็มดวงเท่านั้น ตัวหอยจะอวบอ้วนมีเนื้อที่หวานสดกรอบ เสิร์ฟสดๆในน้ำเกลือเยลลี่ออกรสเค็มนิดหน่อย การที่ทำน้ำเกลือเยลลี่ก็ทำให้ทานง่ายขึ้นน้ำไม่หก แต่งมาด้วยดอกขิงญี่ปุ่น สาหร่ายวากามิ เสิร์ฟพร้อมกับวาซาบิฝนสดๆ หอยสดมากและวางอยู่บนภาชนะที่อัดแน่นมาด้วยน้ำแข็ง เวลารับประทานหอยยังเย็นอยู่เลย
ต่อด้วยซุป HOKKAIDO SCALLOP TOPPED WITH FOIE GRAS เมนูนี้เป็นเมนูที่เชฟครีเอทเองตั้งแต่เมื่ออายุ 23 ปี ตอนไปทำงานอยู่ที่ร้านอาหารในฮอกไกโด ฟรัวกราส์เทอรีนนุ่มมาก ทานพร้อมกับ hokkaido scallop ที่แพนเซียร์มาให้สุกเพียงเล็กน้อย และมีกลิ่นหอมของความเกรียมนิดหน่อย ได้ texture เนื้อหอยที่หวานกรอบ พร้อมน้ำซุปมิโสะ คอนซูมเม่ เห็ดชิเมจิ ความอุ่นของน้ำซุปจะทำให้ฟรัวกราส์เทอรีนละลายในปาก เมนูนี้ให้รสชาติเบาๆ
มาถึง Main Course จานแรก HOKKAIDO DEEP SEA SOLE เป็นปลาโซลในทะเลลึก เนื้อปลาจะมีความมันอยู่มาก แต่ก็ตัดความเลี่ยนได้ดีด้วยใบ sorrel ที่จะออกรสเปรี้ยวนิดๆ ซอสเป็น sudachi butter เสิิร์ฟเป็นสไตล์โฟมซอส เป็น combination ที่ดี
Main Course จานที่ 2 เป็นเนื้อ HOKKAIDO KOZATSU BEEF MARBLE SCORE 3 – ขนาดมาเบิ้ลสกอร์ 3 ยังมีความนุ่มมากแทบละลายในปากเลย เสิร์ฟ พร้อมกับ smoked turnip แล้วนำไป sewage หรือต้มให้สุกช้าๆ ด้วยอุณหภูมิต่ำๆ ทานกับ smoked eggplant ตัดความมันของเนื้อได้ดี
ทานมาหลายจานอิ่มแป้ จนไม่สามารถต่อด้วยขนมหวานได้อีก ขอรีวิวแค่อาหาร
หันมาที่บรรยากาศภายในร้านกันหน่อย มีทั้งโซนด้านใน และโซน outdoor เลือกได้ตามใจชอบ
ร้านอาหารระดับมิชลิน จะบอกว่าไม่แพงก็คงไม่ถูกต้องซะทีเดียว เพราะรสชาติอาหารล้ำเลิศบวกกับบรรยากาศที่ได้สัมผัส คุ้มค่าเสียเหลือเกิน ทางร้านมีทั้ง a la carte และ set menu เชฟบอกว่าตั้งแต่ได้ดาวมาร้านนี้เต็มตลอด ถ้าจะไปขอแนะนำให้จองล่วงหน้านะคะ ร้านเปิด วันอังคาร – เสาร์ เฉพาะ dinner เท่านั้น ตั้งแต่ 18:00 – 22:30น. ลองไปทานกันดู ขอแนะนำสำหรับผู้ที่ชื่นชอบอาหารฝรั่งเศส ผสมผสานความลงตัวกับวัตถุดิบและเทคนิคของการทำอาหารญี่ปุ่น