การจับกุม “เมิ่ง วันโจว” หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่การเงิน (ซีเอฟโอ) บริษัทเทคโนโลยีแถวหน้าของจีน “หัวเว่ย” อาจแสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงใหม่ ที่บริษัทเทคโนโลยีสหรัฐกำลังเผชิญอยู่สำหรับการทำธุรกิจในจีน ทั้งยังทำให้เกิดความกังวลรอบใหม่ที่สงครามการค้าของ 2 ฝ่าย จะยืดเยื้อไปนานกว่านี้
เมิ่ง บุตรสาวของ “เริน เจิ้่งเฟย” ผู้ก่อตั้งหัวเว่ย ผู้ผลิตมือถือรายใหญ่สุดอันดับ 2 ของโลก รองจากซัมซุง ของเกาหลีใต้ ถูกตำรวจในนครแวนคูเวอร์ แคนาดา จับกุมเมื่อวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา ตามคำขอของรัฐบาลสหรัฐ เนื่องจากต้องสงสัยว่าจะมีพฤติกรรมที่ละเมิดกฎการคว่ำบาตรของสหรัฐต่ออิหร่าน
การจับกุมเมิ่ง หรืออีกชื่อหนึ่งว่า แคที เมิ่งนั้น ถือเป็นความพยายามครั้งล่าสุดของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะจัดการกับบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ๆ ของจีน หลังเมื่อต้นปีนี้ มีคำสั่งแบน “แซดทีอี” ผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมรายใหญ่ของจีนไปแล้ว
นอกจากนี้ ยังเป็นเสมือนการส่งสารอย่างชัดเจนว่า บริษัทเทคโนโลยีสหรัฐ ที่ทำธุรกิจกับจีน อาจต้องเจอเรื่องปวดหัวมากกว่านี้
“คุณจะเห็นถึงความคืบหน้ามาเรื่อยๆ จากกรณีคว่ำบาตรแซดทีอี ที่แสดงให้เห็นถึงการเอาจริงเอาจังกับการละเมิดการคว่ำบาตรของสหรัฐอย่างน่าเหลือเชื่อ” อัลมา อันกอตติ กรรมการผู้จัดการนาวิแกนท์ คอนซัลติง และผู้เชี่ยวชาญด้านการฟอกเงินกล่าว
ในช่วงต้นปีนี้ สหรัฐได้มีคำสั่งห้ามแซดทีอีซื้อสินค้าใดๆ จากอเมริกันนาน 7 ปี หลังจากที่บริษัทจีนรายนี้ละเมิดกฎคว่ำบาตรสหรัฐ ขายสินค้าให้กับอิหร่าน และเกาหลีเหนือ ซึ่งรัฐบาลสหรัฐได้ให้เหตุผลถึงความกังวลในเรื่องความมั่นคงของประเทศ
อันกอตติยังมองว่า การที่รัฐบาลสหรัฐเดินหน้าเข้มงวดต่อพฤติกรรมต้องสงสัยว่าจะละเมิดด้านการเงิน อย่างแซดที และหัวเว่ยนั้น เน้นให้เห็นถึงความเสี่ยงของธุรกิจอเมริกัน
อดีตทนายความที่ปฏิบัติงานให้เครือข่ายบังคับคดีอาชญากรรมทางการเงิน กระทรวงการคลังสหรัฐ หรือที่รู้จักกันในชื่อฟินเซน บอกด้วยว่า มีโอกาสที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ จะอยากรู้ว่าซัพพลายเออร์สหรัฐ ได้รู้ หรือมีสาเหตุที่น่าจะรู้ว่าได้เกิดการละเมิดกฏระเบียบขึ้นด้วยหรือไม่ หรือซัพพลายเออร์ได้ควบคุมสถานการณ์เพื่อป้องกันให้นำสินค้าที่มีถิ่นที่มาจากสหรัฐ นำไปใช้ในทางที่ละเมิดการคว่ำบาตรหรือไม่
“เรื่องนี้เป็นความเสี่ยงใหญ่มาก”
ขณะเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงของบริษัทโทรคมต่างๆ ของจีน ก็ต้องพึ่งพาบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐอย่างมาก เพราะซัพพลายเชนมีความเกี่ยวข้องกันอย่างมาก
สเตซีย์ ราสกอน นักวิเคราะห์จากอัลลิแอนซ์เบิร์นสไตน์ บริษัทบริหารจัดการสินทรัพย์ แสดงความเห็นว่า ผลกระทบจะยิ่งใหญ่มาก เพราะซัพพลายเชนเกือบทั้งหมดดำเนินงานผ่านทางจีน
“แม้จะเป็นไปไม่ได้ที่จะประเมินผลกระทบในทางอ้อม แต่ก็ชัดเจนว่า ตลาดไม่ชอบกับภาวะไร้เสถียรภพาที่เกิดขึ้น”
การควบคุมตัวเมิ่ง ยังเกิดขึ้นในวันเดียวกับที่ประธานาธิบดีทรัมป์ หารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน นอกรอบการประชุมผู้นำจี 20 ที่อาร์เจนตินา
จอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของทรัมป์ ที่เข้าร่วมในการรับประทานอาหารค่ำของผู้นำทั้ง 2 ประเทศ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (6 ธ.ค.)ว่า เขารู้เรื่องการจับกุมเมิ่งก่อนหน้านั้นแล้ว
ราสกอนบอกว่า การยอมรับดังกล่าวเหมือนจะยิ่งทำให้ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเพิ่มความรุนแรงขึ้น เพราะดูเหมือนเมิ่งจะโดนจับกุมระหว่างที่การหารือกำลังเกิดขึ้น ซึ่งจะทำให้ฝ่ายจีนรู้สึกเหมือนกับโดนตบหน้า
ที่มา: South China Morning Post