เฟซบุ๊ก ผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ชื่อดัง เล็งเก็บเงินผู้พัฒนาแอพพลิเคชัน เพื่อเข้าถึงข้อมูลบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของบริษัท
การเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งสำคัญของเฟซบุ๊ก ที่เคยประกาศไว้ตั้งแต่เริ่มต้นว่า จะไม่ขายข้อมูลของสมาชิก และเคยย้ำเรื่องนี้ไปแล้ว เมื่อครั้งที่บริษัทเจอกับการโจมตี กล่าวหาว่าสนใจเรื่องการทำรายได้มากกว่าการปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน
“ขอพูดให้ชัดเจนว่า เฟซบุ๊กไม่เคยขายข้อมูลของใคร” คอนสแตนตินอส ปาปามิลติเอดิส ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาแพลตฟอร์ม และโปรแกรม ของเฟซบุ๊ก ยืนยันกับสำนักข่าวเอเอฟพี
เขาบอกด้วยว่า ระบบการเรียกใช้โปรแกรม หรือ เอพีไอ (API) ของเฟซบุ๊ก เปิดให้ใช้ได้ฟรีมาตลอด และบริษัทไม่เคยเรียกร้องให้นักพัฒนารายใด จ่ายเงินเพื่อใช้ระบบนี้ ทั้งโดยตรง หรือผ่านทางการซื้อโฆษณา
ขณะที่หนังสือพิมพ์วอลล์ สตรีท เจอร์รัล รายงานว่า ข้อมูลจากอีเมลติดต่อภายในของเฟซบุ๊ก บ่งชี้ว่า เคยมีการอ้างถึงกรณีเรียกเก็บค่าบริการเพื่อการเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้งาน เมื่อครั้งที่เฟซบุ๊กโดนซิกซ์ฟอร์ทรี (Six4Three) ผู้พัฒนาแอพพลิเคชัน “พิกินิส” ที่ล้มเหลวไปแล้ว ยื่นฟ้องต่อศาลเมื่อปี 2558
พิกินิส เป็นแอพพลิเคชันที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหารูปผู้คนในชุดว่ายน้ำบนเฟซบุ๊ก โดยอาศัยเอพีไอ ในการทำงาน เพื่อให้แอพสามารถเข้าถึงข้อมูลของสมาชิกเว็บไซต์สังคมออนไลน์ และบรรดาเพื่อนๆ ซึ่งเนื้อหาในการฟ้องร้องกล่าวหาว่า เฟซบุ๊กแสดงอำนาจเหนือข้อมูลผู้ใช้งาน
แต่เอกสารคำฟ้องเกือบทั้งหมดในคดีถูกศาลแคลิฟอร์เนียปิดไว้ ตามคำร้องขอของเฟซบุ๊ก ซึ่งปาปามิลติเอดิส กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เป็นคดีนี้ไม่มีพื้นฐานความจริง และนำเสนอในวิธีที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดโดยไม่มีข้อมูลสนับสนุนเพิ่มเติม
อย่างไรก็ดี อีเมลภายในบางส่วน แสดงให้เห็นว่า พนักงานของเฟซบุ๊กได้หารือเกี่ยวกับการหาทางให้ผู้โฆษณาเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้งานได้มากขึ้น เพื่อแลกกับการเงินจ่ายเงินจำนวนมากขึ้นบนเครือข่ายโซเชียล
