“ซีพีเอฟ” เปิดโรงงานหนองจอก โชว์การผลิตไส้กรอกด้วยเทคโนโลยีไฮเทค เน้นหุ่นยนต์-แขนกล ลดใช้แรงงานคน 10 เท่า ตอกย้ำมาตรฐานสินค้าอาหารปลอดภัย ย้อนแหล่งที่มาวัตถุดิบได้ ล่าสุดเพิ่มระบบรมควันปลอดสารทาร์ ลดปัจจัยเสี่ยงสารก่อมะเร็ง
ด้านการตลาด เผยยอดขายไส้กรอกซีพีเอฟ ครองส่วนแบ่ง 31% จากตลาดรวม 32,800 ล้านบาท เป็นผู้นำตลาดอย่างต่อเนื่อง พร้อมสร้างการยอมรับสื่อสังคมออนไลน์ ดึง “แบมแบม Got7” สร้างกระแสติดเทรนด์อันดับ 1 ทวิตเตอร์ไทยหลายรอบ ผลักดันยอดขายไส้กรอกกลุ่มแฟรงค์โตขึ้นกว่า 5%
วันนี้ (27 พ.ย.) ซีพีเอฟได้เชิญสื่อมวลชนเข้าเยี่ยมชม โรงงานอาหารสำเร็จรูปซีพีเอฟที่หนองจอก ซึ่งเป็นโรงงานอาหารที่ทันสมัยมีสายการผลิตด้วย เครื่องจักรและหุ่นยนต์ ทำให้โรงงานสะอาด และการผลิตแม่นยำ พร้อมกันนี้ยังได้แนะนำระบบ รมควันเทคโนโลยีใหม่ ที่เน้นอาหารปลอดภัยตามมาตรฐานสากล
นายณฤกษ์ มางเขียว รองกรรมการผู้จัดการบริหาร สายธุรกิจอาหารสำเร็จรูป บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ กล่าว่า ซีพีเอฟยึดมั่นนโยบายคุณภาพและนโยบายความปลอดภัยอาหาร (CPF Quality Policy) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการะบวนการผลิตอาหารทุกขั้นตอน
ล่าสุดซีพีเอฟ ได้นำระบบรมควันเทคโนโลยีใหม่ ที่สามารถดักแยกสารทาร์ (TARS) ซึ่งเป็นสารหนักจากเขม่าควันเผาไหม้ ที่มีองค์ประกอบของสารก่อมะเร็ง ออกจากไส้กรอกได้เป็นผลสำเร็จ โดยระบบดังกล่าวมีกลไกควบคุมอุณหภูมิ และระบบเผาไหม้ที่ดี ทำให้กรองควันคุณภาพที่ดีมารมในไส้กรอก ซึ่งส่งผลต่อกลิ่น สี และรสชาติของไส้กรอกน่ารับประทาน และสามารถยืนยันได้ว่า ไส้กรอก CP ไม่มีสารทาร์ และสารตกค้างอื่นๆ ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
กำลังการผลิต 1 แสนตัน/ปี
โรงงานผลิตอาหารสำเร็จรูปหนองจอก ที่เปิดให้สื่อมวลชนเข้าเยี่ยมชมแห่งนี้ เป็นหนึ่งใน 3 โรงงานอาหารสำเร็จรูปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของซีพีเอฟ ที่ผลิตด้วยระบบการผลิตที่ทันสมัยใช้หุ่นยนต์แขนกลแทนแรงงานคนจำนวนมาก เช่นเดียวกับโรงงานอีก 2 แห่ง ซึ่งอยู่ที่ สระบุรี และนครราชสีมา โดยโรงงานทั้ง 3 แห่ง มีกำลังการผลิตรวมประมาณ 1 แสนตัน/ปี
นายณฤกษ์ กล่าวว่า ซีพีเอฟใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ใช้เครื่องจักร หุ่นยนต์แขนกล และสายพานลำเลียงในทุกขั้นตอน ทำให้ลดการใช้แรงงานลงกว่า 10 เท่า ปัจจุบันภายในโรงงาน ใช้แรงงานคนเฉพาะงานช่างซ่อมบำรุงเท่านั้น โดยส่วนของโรงงานมีการควบคุมอุณภูมิ และความสะอาดทุกขั้นตอน และมีความแม่นยำในกระบวนการผลิต การคัดเลือก และบรรจุหีบห่อ ที่ได้มาตรฐานสากล
นอกจากนี้ซีพีเอฟ ยังใช้วัตถุดิบและส่วนผสมที่ปลอดภัยจากแหล่งผลิต ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) และมาตรฐานสากล สามารถตรวจสอบย้อนกลับไปถึงแหล่งที่มาของวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตได้ ด้วยระบบ FRID (Radio-Frequency Identification) ซึ่งผ่านการผลิตที่ใช้ระบบอัตโนมัติแบบต่อเนื่อง ในการผลิตไส้กรอกเป็นแห่งแรกในภูมิภาคเอเชีย
ระบบดังกล่าว ช่วยลดการปนเปื้อน และลดโอกาสการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ ที่สำคัญมีการควบคุมอุณภูมิให้อยู่ในระดับต่ำที่ 0-12 องศาเซลเซียสตลอดกระบวนการผลิต และเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ชนิดเทอร์โมฟอร์มแบบฟิล์มหลายชั้น (Multi-layer thermoforming film) ที่ปลอดภัยต่อการใช้กับไมโครเวฟ และช่วยรักษาความสดของไส้กรอก และเพิ่มอายุการเก็บรักษาผลิตภณฑ์ได้นานขึ้น
“ซีพีเอฟมุ่งมั่น นำนวัตกรรมและการวิจัย สร้างสรรค์เมนูใหม่ๆ ภายใต้การควบคุมของนักวิทยาศาสตร์การอาหาร ที่คำนึงถึงทั้งคุณค่าทางโภชนาการ รสชาติและความปลอดภัยอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อตอลบสนองแนวโน้มผู้บริโภคในปัจจุบัน ที่ใส่ใจเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยมากขึ้น” นายณฤกษ์ กล่าว
ยอดขาย 1 หมื่นล้านครองตลาด 31%
ด้านนายวิทวัส ตันติเวสส รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ด้านการตลาดกลาง ซีพีเอฟ กล่าวว่า ปัจจุบันไส้กรอกซีพีเอฟ มีส่วนแบ่งตลาด 31% จากมูลค่าตลารวมไส้กรอกที่ 32,800 ล้านบาท คิดเป็นยอดชายประมาณ 10,168 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนแบรนด์ซีพี 19% แบรนด์บีเคพี 4% และเป็นการผลิตไส้กรอกแบบโออีเอ็ม หรือการรับจ้างผลิตป้อนให้กับร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ประมาณ 6%
ทั้งนี้ ภาพรวมตลาดไส้กรอกยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และทางบริษัทมีการออกสินค้าใหม่สู่ตลาดทุกๆ รายไตรมาส และมีการหมุนเวียนเมนูอาหารพร้อมรับประทานอยู่เสมอ ตามความนิยมของผู้บริโภค
นอกจากการรักษามาตรฐานไส้กรอกซีพีทั้งคุณภาพ รสชาติและความสด สะอาด ปลอดภัยแล้ว ในปีนี้บริษัทยังเน้นเพิ่มการสื่อสารกับผู้บริโภครุ่นใหม่มากขึ้น เพื่อช่วยผลักดันและพยายามสร้างตลาดรวมให้เติบโต และไส้กรอกซีพีสามารถครองใจผู้บริโภคจากรุ่นสู่รุ่นได้
ล่าสุดซีพีเอฟ ได้ออกแคเปญโฆษณาไส้กรอกซีพีเพื่อนซี้แบมแบม โดยนำ “แบมแบม-กันต์พิมุกต์ ภูวกุล” ศิลปินคนไทยวง Got7 จากเกาหลีใต้เป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งสื่อสารตรงยังกลุ่มเป้าหมาย และปีนี้่ซีพีเอฟ ยังได้รางวัลแผนงานการตลาดยอดเยี่ยม Bronze Award ประเภทธุรกิจอาหารและร้านอาหาร (Food) จากงาน MAT Awatd 2018 ครั้งที่ 10 ที่จัดโดยสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทยด้วย
“นอกเหนือจากคุณภาพไส้กรอกระดับมาตรฐานสากล ที่ปราศจากสารทาร์แล้ว การได้รับรางวัล MAT Award ยังตอกย้ำถึงความสำเร็จของกลยุทธ์การตลาดไส้กรอก ซีพี ที่สามารถสื่อสารกับผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นมิติใหม่การตลาดยุค 4.0 ของไทย” นายวิทวัส กล่าวและว่า แคมเปญนี้สามารถสร้างความสำเร็จ ทั้งในแง่การสื่อสาร สร้างการรับรู้ และการเติบโตของตลาดไส้กรอก
ไม่เพียงสื่อออนไลน์ทั่วไป แต่ยังสร้างกระแสในสื่อสังคมออนไลน์ได้ประสบความสำเร็จ โดยกระแส #ไส้กรอกซีพีเพื่อนซี้แบมแบม และ #ไส้กรอกยังไงก็ต้องcp สามารถสร้างกระแสในสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ จนติดอันดับ 1 บนเทรนด์ทวิตเตอร์ประเทศไทยหลายครั้ง และช่วยสร้างความสำเร็จในการผลักดันยอดขาย ไส้กรอกซีพีกลุ่มแฟรงค์ให้เติบโตขึ้นกว่า 5% ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไส้กรอกซีพี สามารถรักษาความเป็นผู้นำตลาดไส้กรอกโดยรวมได้อย่างต่อเนื่อง
