นายเขมทัตต์ พลเดช ประธานคณะกรรมการกำกับนโยบายของคณะกรรมการตรวจพิจารณภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์ เปิดเผยว่าแม้สถานีโทรทัศน์ดิจิทัลหลายแห่งยังประสบปัญหาด้านผลประกอบการ แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบกับธุรกิจผลิตหนังโฆษณาทางทีวีมากนัก
ทั้งนี้ ก่อนเกิดทีวีดิจิทัล ในปี 2554-2557 ปริมาณชิ้นงานตรวจพิจารณาภาพยนตร์ทางทีวี จะมีประมาณ 1.2-1.4 หมื่นเรื่องต่อปี จากนั้นเริ่มลดลงในปี 2557 ที่เริ่มต้นทีวีดิจิทัล และมีสื่อใหม่ทางโซเชียล มีเดีย
สำหรับไตรมาสแรกปี 2561 มีจำนวนสปอตโฆษณาผ่านการพิจารณาพร้อมออกอากาศ 2,132 เรื่อง โดยเดือนมีนาคมของทุกปี จะมีเอเยนซีส่งชิ้นงานสปอตโฆษณาเข้ามาตรวจ(เซ็นเซอร์)มากที่สุด เฉลี่ย 800-900 เรื่องต่อปี
จากจำนวนการส่งชิ้นงานโฆษณาเพื่อพิจารณาในต้นปีนี้ คณะกรรมการคาดดว่าปี 2561 มีโอกาสที่จะมีชิ้นงานภาพยนตร์โฆษณาผ่านการพิจารณาและออกอากาศเพิ่มจากปี 2560 ประมาณ 10% หรือประมาณ 9,500 เรื่อง ใกล้เคียงกับปี 2559 ที่มีจำนวน 9,671 เรื่อง ขณะที่ปี 2560 อยู่ที่ 8,596 เรื่อง
“ภาพยนตร์โฆษณาที่ผ่านมาตรวจพิจารณา ได้สร้างเม็ดเงินให้กับอุตสาหกรรมราว 1 หมื่นล้านบาท นอกจากรายได้ค่าโฆษณาทางทีวี ที่กระจายอยู่ทุกสถานี”
นายเขมทัตต์ กล่าวอีกว่าภาพยนตร์โฆษณา 1 เรื่อง จะมีต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 1-2 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับ พรีเซ็นเตอร์ ความยาว สถานที่ถ่ายทำ และเทคโนโลยี ซึ่งชิ้นงานภาพยนตร์โฆษณาของประเทศไทยได้รับความนิยมและยอมรับว่ามีมาตรฐานระดับโลก การขยายตัวของธุรกิจผลิตสปอตโฆษณาดังกล่าวนี้ เกิดจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่มีแบรนด์สินค้าใหม่เกิดขึ้นจำนวนมาก และสินค้าเดิมแตกไลน์ตามเซ็กเมนต์ผู้บริโภค