ตำรวจปราบจลาจลฝรั่งเศสยิงแก๊สน้ำตาและฉีดน้ำดับเพลิงเข้าสลายฝูงชนราว 5 พันคนที่ออกมาประท้วงน้ำมันแพง
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ผู้ประท้วงราคาน้ำมันเชื้อเพลิงแพงราว 5,000 คน เปิดฉากปะทะกับตำรวจปราบจลาจลที่ย่านฌ็องเซลิเซ่ หลังพยายามเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล ตำรวจปราบจลาจลยิงแก๊สน้ำตา และฉีดน้ำดับเพลิงเข้าสลายฝูงชนที่ตอบโต้ด้วยก้อนหินและก่อกองเพลิงขึ้นหลายแห่งตามท้องถนน มีผู้ถูกจับกุมไปแล้ว 18 คน โดยกลุ่มผู้ประท้วงพากันร้องเพลงชาติฝรั่งเศส โบกธงชาติและเรียกร้องให้ประธานาธิบดีมาครงลาออกจากตำแหน่ง พร้อมกับประณามประธานาธิบดีมาครงเป็นเหมือนพวกหัวขโมย
ด้านกระทรวงมหาดไทย ฝรั่งเศส ประเมินประชาชนเข้าร่วมการประท้วงมากกว่า 100,000 คนทั่วประเทศ ในจำนวนนี้ราว 5,000 คนรวมตัวกันในกรุงปารีส เพื่อต่อต้านนโยบายของรัฐบาลมาครง ในการเก็บภาษีแก๊สโซลีนหรือน้ำมันเบนซินเพิ่มเป็น 2.9 ยูโรเซนต์ต่อลิตร และราคาเชื้อเพลิงดีเซลเป็นลิตรละ 6.5 ยูโรเซนต์ สูงที่สุดในรอบ 18 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 เพื่อหวังกระตุ้นให้ประชาชนหันมาใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น โดยผู้นำฝรั่งเศสวัย 40 ปี อ้างความผันผวนของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก และอัตรานี้เพิ่มขึ้นจากอัตราปกติในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมาถึง 23%
ขณะที่ตำรวจปราบจลาจลใช้ทั้งรถฉีดน้ำแรงดันสูง แก๊สน้ำตาและกระสุนยางในการควบคุมฝูงชน โดยมีรายงานการการจับกุมผู้ก่อความไม่สงบอย่างน้อย 130 คน ทั่วประเทศ ในจำนวนนี้มากกว่า 40 คนอยู่ในกรุงปารีส และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 24 คน ในจำนวนนี้ 5 คนเป็นเจ้าหน้าที่ แม้แกนนำของการเคลื่อนไหวครั้งนี้กล่าวว่าการประท้วงที่เกิดขึ้นคือ “ครั้งที่สอง” เป็นการส่งสัญญาณว่าจะเกิดขึ้นอีก
ทั้งนี้ สถิติของตำรวจระบุว่าจำนวนผู้เข้าร่วมน้อยลงจากการประท้วง “ครั้งแรกแรก” เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายนอย่างมาก
ภาพจาก AFP
