เอกชนไทย-เทศ 18 ราย แห่ซื้อซองเข้าประมูลโครงการท่าเรือมาบตาพุด ระยะ 3 ช่วงที่ 1 เผยมีทั้งกลุ่มธุรกิจพลังงาน โรงไฟฟ้า-ปิโตรเคมี-อสังหาฯ ลงสนามแข่ง
นางสาวสมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า โครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะ 3 (ช่วงที่ 1) ซึ่งเป็นหนึ่งใน 5 โครงการหลักของรัฐบาลในการเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน พื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ที่จะเริ่มมีการพัฒนาก่อสร้างในปี 2563
โครงการดังกล่าว กนอ.ได้เริ่มเปิดขายเอกสารการคัดเลือก Request for Proposal (RFP) ตั้งแต่วันที่ 9-21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา การเปิดขายซองทีโออาร์เป็นตามแผนที่กำหนดไว้
ทั้งนี้มีผู้สนใจทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น และเนเธอร์แลนด์ ที่สนใจมาซื้อซอง รวมทั้งสิ้น 18 ราย ประกอบด้วย
1. บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)
2. บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
3. บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน)
4. บริษัท ซีเอชอีซี (ไทย) จำกัด
5. บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน)
6. บริษัท China Harbour Engineering Co.,Ltd.
7. บริษัท Tokyo Gas Co.,Ltd.
8. บริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด
9. บริษัท ชิโนไฮโดร คอร์ปอเรชั่น ลิมิเต็ด
10. บริษัท ไทยแท้งค์เทอร์มินัล จำกัด
11. บริษัท Mitsui & Co., Ltd.
12. บริษัท ไชน่า คอมมูนิเคชั่น คอนสตรัคชั่น จำกัด
13. บริษัท China Railway Construction Corporation Limite
14. บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน)
15. บริษัท Boskalis International B.V.
16. บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)
17. บริษัท Vopak LNG Holding B.V.
18. บริษัท สหการวิศวกร จำกัด
วันที่ 27 พฤศจิกายนนี้ ทางกนอ.จะประชุมชี้แจงให้กับผู้ซื้อซองทั้ง 18 บริษัท เพื่อทำความเข้าใจในข้อกำหนด เงื่อนไข และหลักเกณฑ์ พร้อมตอบข้อซักถามรายละเอียดต่างๆ
จากนั้นวันที่ 28 พฤศจิกายนนี้ จะนำคณะภาคเอกชนดูพื้นที่โครงการท่าเรือฯ มาบตาพุดระยะ 3 ที่จังหวัดระยอง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการเขียนข้อเสนอทางเทคนิค ภายใต้ทีโออาร์ที่กำหนดไว้
ทั้งนี้ กนอ.กำหนดให้มีการยื่นข้อเสนอด้านเทคนิคและราคา ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 คาดว่าการพิจารณาคัดเลือกเอกชนดำเนินการพัฒนาโครงการท่าเรือฯ มาบตาพุด ระยะ 3 จะแล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2562
สำหรับแผนการพัฒนาท่าเรือฯ มาบตาพุด ระยะ 3 คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 5 ปี ตั้งแต่ปี 2563-2567 โดยใน 3 ปีแรก จะเริ่มงานโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ได้แก่ งานถมทะเล งานขุดลอกร่องน้ำเดินเรือ งานก่อสร้างเขื่อนกันคลื่น และก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค
ส่วนที่เหลือจะเป็นการก่อสร้างส่วนท่าเทียบเรือบนพื้นที่ถมทะเล (Superstructure) โดยการพัฒนาท่าเทียบเรือเพื่อรองรับการขนถ่ายสินค้า ได้แก่ การก่อสร้างท่าเทียบ เรือสินค้าเหลว ท่าเทียบเรือก๊าซ ท่าเทียบเรือบริการ และคลังสินค้า ในวงเงินลงทุนกว่า 5 หมื่นล้านบาท
หากก่อสร้างแล้วเสร็จคาดว่าจะรองรับการขนถ่ายสินค้าเหลวได้ประมาณ 15 ล้านตันต่อปี
