Properties

แสนสิริ ‘โกกรีน’ปั้นโมเดลอสังหาฯรักษ์โลก

“แสนสิริ” เปิดโมเดลธุรกิจเปลี่ยนโลก “Sansiri Green Mission” ชูแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน ตั้งเป้าลดปริมาณปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์เฉลี่ย 2,120 ตัน เท่าพื้นที่ป่าสีเขียวกว่า 1,700 ไร่  ลงทุน 1,300 ล้านบาทขยายโรงงานพรีคาสต์ เพิ่มการผลิตระบบก่อสร้างสำเร็จรูปคอนโด 80% ลดขยะคอนกรีต ลดของเสีย

บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ถือเป็นบริษัทอสังหาฯรายแรกของไทย ที่สร้างจุดเปลี่ยนเพื่ออนาคตโลก ด้วยโมเดล “แสนสิริ กรีน มิชชั่น” (Sansiri Green Mission) สะท้อนแนวคิด “เศรษฐกิจหมุนเวียน” หรือ “Circular Economy” ผสานการสร้างสรรค์นวัตกรรมและเทคโนโลยีภายใต้การวิจัยและพัฒนาในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และจัดการพลังงานอย่างยั่งยืน วาง “กรีน โรดแมพ” (Green Roadmap) ผลักดัน 4 คำมั่นสัญญาหลัก ได้แก่  1.Waste Management 2.Energy Saving & Generation 3.Smart Move  และ 4.Sustainability  เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในการอาศัยอยู่ของลูกบ้านแสนสิริและประชาคมโลกอย่างยั่งยืน

แสนสิริ
อุทัย อุทัยแสงสุข

นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าด้วยวิสัยทัศน์ของแสนสิริที่ไม่เพียงแค่การพัฒนาหรือสร้างที่อยู่อาศัย แต่แสนสิริยังมุ่งมั่นส่งมอบไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัย และการใช้ชีวิตให้แก่ลูกค้าภายใต้แนวคิด customer-centric หรือความต้องการของลูกค้าเป็นสิ่งที่สำคัญสูงสุด เพื่อเติมเต็มไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยให้กับลูกค้าในแต่ละกลุ่มได้อย่างตรงจุด

ล่าสุดได้ผลักดันและเซตมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ไทย ในด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญด้านลดการใช้พลังงานและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่สร้างผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อมโลก

ที่ผ่านมา แสนสิริได้จัดตั้งทีมวิจัยและพัฒนา (R&D) และร่วมมือกับพันธมิตรจากสถาบันฯ และบริษัทฯ ชั้นนำระดับโลกกว่า 20 ราย เพื่อพัฒนาและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและจัดการพลังงานอย่างยั่งยืน โดยเริ่มนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่ผ่านการทดสอบเข้าสู่กระบวนการติดตั้งในโครงการนำร่องต่างๆ อาทิ โครงการ Cooliving Designed Home นวัตกรรมบ้านระบายความร้อน การพัฒนาและติดตั้งกังหันลมผลิตไฟฟ้า Wind Turbine รวมถึงการเปิดตัว Smart Move แพลตฟอร์มบริการเช่ารถพลังงานไฟฟ้า 100% เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้าน เป็นต้น

โดยได้นำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน มาประยุกต์ให้เข้ากับแบรนด์ดีเอ็นเอ (DNAs) ของบริษัท เปิดรับและพัฒนาสิ่งใหม่ๆ เพื่อสร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยสมบูรณ์แบบ โดยเน้นความสำคัญของแนวทางการจัดการของเสียและผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมแบบบูรณาการ บนหลักการ 2 ข้อใหญ่ ได้แก่ 1.การรักษาและเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรเพื่อประโยชน์สูงสุด และ 2.การลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมตลอดวงจรการบริโภคให้น้อยที่สุด

แนวทางดังกล่าว สอดรับกับแผนแม่บทการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศ (ปี 2559-2564) เพื่อแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอย ตามนโยบายรัฐบาลที่กำหนดให้เป็น “วาระแห่งชาติ” รวมถึงร่างแผนจัดการขยะพลาสติกอย่างบูรณาการ (ปี 2560-2564)

แสนสิริ

ลงทุน 1.3 พันล้านขยายโรงงานพรีคาสต์

นายอุทัย กล่าวต่อไปว่าได้เตรียมงบประมาณไว้ 50 ล้านบาท ระหว่าง ปี 2562-2564 โดยมุ่งสร้างความเป็นเลิศสู่ความยั่งยืนด้านพลังงานและกำจัดของเสีย ซึ่งในด้าน Waste Management หรือ การจัดการของเสียอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทวางจุดยืนที่ชัดเจน ในการลดปริมาณขยะคอนกรีตจากการก่อสร้างทั้งในรูปแบบก่ออิฐฉาบปูนและพรีคาสต์ สู่นวัตกรรม “Earth Blox” ที่นำเศษคอนกรีตมวลเบาเหลือใช้จากการก่อสร้างกลับมาเป็นส่วนผสมในการแปรรูป เพื่อสร้างบล็อกคอนกรีตใหม่ นำกลับมาใช้ทำแผ่นทางเท้า ช่องลมระบายอากาศ และของตกแต่งภายในแลนด์สเคป

โดยจะเพิ่มการก่อสร้างด้วยระบบพรีคาสต์ในการคอนโดจาก 50% เป็น 80% ภายในปี 2564 สามารถลดขยะคอนกรีตที่เกิดจากการก่อสร้างโดยวิธีก่ออิฐฉาบปูนได้ถึง 1,600 ตันต่อปี สามารถช่วยลดก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 48 ตันต่อปี เท่ากับพื้นที่สีเขียวของป่าไม้ 36 ไร่ รวมทั้งตั้งเป้าหมายในการเดินหน้าประกาศภารกิจในการลดปริมาณขยะคอนกรีตจากการก่อสร้างในโรงงานพรีคาสต์ของแสนสิริเป็น 0% หรือ Zero Waste ภายในสิ้นปี 2562

ขณะเดียวกันบริษัทจะลงทุน 1,300 ล้านบาทในการขยายโรงงานพรีคาสต์ เพิ่มกำลังการผลิตบ้านพรีคาสต์ จาก 2,500 หลังในปัจตุบันเป็น 3,500 หลังต่อปี

แสนสิริ

ในด้านการกำจัดขยะจากการบริโภคของลูกบ้าน บริษัทใช้งบประมาณ 6 แสนบาท ติดตั้งเครื่อง Food Waste Machine จำนวน 10 เครื่อง บนพื้นที่ส่วนกลางในทุกโครงการแนวสูงที่จะพัฒนาตั้งแต่ ปี 2562 เป็นต้นไป โดยตั้งเป้าขยายการใช้งานใน 23 โครงการ ในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยปีแรกสามารถแปรรูปขยะมูลฝอยได้มากถึง 18 ตันต่อปี จาก 10 โครงการ และคาดว่าเมื่อครบทั้งสิ้น 23 โครงการ จะแปรรูปขยะมูลฝอยเฉลี่ย 42 ตันต่อปี

นอกจากนี้ ยังได้ติดตั้ง Refun Machine เครื่องรับคืนขวดพลาสติกและกระป๋องในทุกโครงการแนวสูง รวมทั้งสิ้น 23 โครงการ ภายในปี 2564 และร่วมมือกับสตาร์ทอัพในการพัฒนาแอพพลิเคชั่น Goo Greens เพื่อนำเสนอความรู้เกี่ยวกับการแยกขยะให้กับลูกบ้าน และให้ลูกบ้านได้สะสมคะแนนเพื่อแลกของสมนาคุณต่างๆ รวมทั้งติดตั้งเครื่อง Home bio gas นวัตกรรมเครื่องเปลี่ยนขยะมูลฝอยเป็นก๊าซหุงต้ม ที่โรงแรมเอสเคป เขาใหญ่ และสำนักงานใหญ่ เซลล์ ออฟฟิศ และเซลล์ แกลอรี่ ตั้งเป้าหมายยกเลิกการใช้ขวดน้ำดื่มพลาสติก 100% ภายในปลายปีหน้า

นอกจากนี้ บริษัทยังได้ส่งเสริมการพัฒนาด้าน Energy Saving & Generation เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าทดแทนให้กับโครงการต่างๆ ของบริษัท โดยมีแผนติดตั้ง Solar Roof ครอบคลุม 31 โครงการ ในปี 2564 ส่งผลให้ผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ 2 เมกกะวัตต์ พลังงานสะอาดที่ผลิตได้เทียบเท่ากับปริมาณไฟฟ้าที่ใช้ชาร์จสมาร์ทโฟนถึง 1,400 ล้านเครื่อง ลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 2,223 ตันต่อปี หรือคิดเป็นพื้นที่ป่าสีเขียว 1,600 ไร่

บริษัทยังวางแผนลดการใช้พลังงานในโครงการที่อยู่อาศัยทั้งในโครงการแนวราบและแนวสูง ด้วยการใช้นวัตกรรมที่ช่วยถ่ายเทอากาศและลดอุณหภูมิในที่อยู่อาศัย ได้แก่ นวัตกรรม Cooliving Designed Home ที่ประกอบด้วย Solar Attic การใช้พัดลมที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ช่วยลดความร้อนใต้หลังคาบ้าน ทำให้อากาศภายในตัวบ้านเย็นลง และ Shading Screen ระแนงกันแดดที่ออกแบบโดยคำนึงถึงทิศทางของบ้าน เป็นต้น

นอกจากนี้บริษัทได้นำเสนอแนวคิด Complete your living experience ร่วมมือกับ 4 พันธมิตรหลัก Honda, Haupcar, SHARGE และ EA Anywhere สร้างแพลตฟอร์มบริการยานพาหนะระบบเช่า รวมทั้งติดตั้ง Electronic car sharing และ EV Charger ครบทุกโครงการแนวสูงตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไป ปัจจุบันติดตั้งไปแล้ว 5 สถานีรวม 11 คัน และเตรียมเพิ่มอีก 4 สถานีรวม 6 คัน ในปีหน้า คาดว่าจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากกว่า 7.5 ตันต่อปี หรือคิดเป็นพื้นที่ป่าสีเขียวประมาณ 5.7 ไร่ พร้อมกันนี้ ยังได้วางเป้าหมายเพื่อต่อยอดโดยเปิดตัวพันธมิตรใหม่ e-scooter ให้บริการใน 2 โครงการสำคัญอีกด้วย

แสนสิริ

เดินหน้าองค์กรธุรกิจยั่งยืน

สุดท้ายในส่วนของ Sustainability การบริหารเพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน บริษัทได้เตรียมความพร้อมสร้างความร่วมมือกับองค์กรเพื่อสิ่งแวดล้อมต่างๆ โดยนับเป็อสังหาฯรายแรก ที่จับมือกับกลุ่มอนุรักษ์ต้นไม้ใหญ่ในเมือง หรือ Big Tree เพื่อจัดการต้นไม้ใหญ่ใโครงการอสังหาริมทรัพย์อย่างยั่งยืน โดยนำหลักสูตรรุกขกรรม มาอบรมนิติบุคคลและเจ้าหน้าที่ที่ดูแลโครงการ ดูแลตัดแต่งต้นไม้ใหญ่ให้สวยงามและยั่งยืนในทุกโครงการ

อีกทั้งยังให้ความสำคัญด้านการออกแบบอย่างยั่งยืน หรือ Sustainability design ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการออกแบบให้ลดการใช้ทรัพยากรและพลังงาน ผสานกับฟังก์ชั่นการใช้งานอย่างลงตัว อาทิ การออกแบบที่พักตอบโจทย์เรื่องอยู่สบายและลดอุณหภูมิภายในบ้าน เพื่อลดปริมาณการใช้พลังงาน ด้วยนวัตกรรม Cooliving Designed Home ในโครงการแนวราบ และนวัตกรรม Ventilation Door คอนโดหายใจได้ ใช้ในโครงการแนวสูง ปัจจุบันบริษัทได้เปิดตัวโครงการ เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค เป็น “Green Condominium” เต็มรูปแบบ โครงการแรก และจะนำแนวคิดไปต่อยอดปรับใช้กับโครงการที่จะพัฒนาต่อไปในอนาคตทุกโครงการ

Sansiri Green Mission ทั้ง 4 คำมั่นสัญญา นับเป็นการผสมผสานนวัตกรรมสีเขียวตลอดวงจรธุรกิจ และเป็นโมเดลแรกของวงการอสังหาฯที่มีแนวทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมมสอดรับแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนครบทุกวงจร ตั้งแต่ Reduce – Recycle – Design – Retailer – Consumers ซึ่งมั่นใจว่าภายใน 3 ปี Sansiri Green Mission จะเป็นกุญแจขับเคลื่อนการสร้างเมืองแห่งอนาคตที่มีความยั่งยืนด้านพลังงาน ซึ่งถือเป็น “จุดเปลี่ยน”ครั้งสำคัญที่จะยกระดับมาตรฐานของวงการอสังหาฯไทยให้ก้าวสู่การให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

Avatar photo