CEO INSIGHT

โรดแมพ 5 ปี ‘สิงห์ เอสเตท’ มุ่ง ‘โกลบอล โฮลดิ้ง คัมปานี’

“สิงห์ เอสเตท” ผู้ประกอบการอสังหาฯน้องใหม่ ด้วยอายุเพียง 4 ปีในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่ฐานทุนจากธุรกิจเครืองดื่มค่ายสิงห์ ทำให้ความได้เปรียบด้านเงินทุนมีไม่น้อยกว่าผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาด พิสูจน์การเติบโตด้วยผลงาน 4 ปี หลังก่อตั้งบริษัท ได้เทคโอเวอร์ ลงทุน และพัฒนาสร้างอาณาจักรอสังหาฯได้เป็นรูปธรรม มีโครงการที่สะท้อนแบรนด์ “สิงห์ เอสเตท” หลายโครงการ แต่เส้นทางแห่งการพัฒนาจะไม่หยุดเพียงเท่านี้

นริศ เชยกลิ่น1
นริศ เชยกลิ่น

“Global Holding Company” คือเป้าหมายที่ท้าทายภายใต้การบริหารของซีอีโอผู้เติบโตมาจากธุรกิจค้าปลีก นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ซึ่งกล่าวถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจของสิงห์เอสเตทว่า จะเดินหน้าการลงทุนและดำเนินธุรกิจมุ่งสู่การเป็น “โกลบอล โฮลดิ้ง คัมปานี” (Global Holding Company) หรือเป็นบริษัทด้านการลงทุนระดับโลก ไม่ได้เป็นเพียงผู้พัฒนอสังหาริมทรัพย์ในไทยเท่านั้น

ที่ผ่านมาสิงห์เอสเตท ได้ขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศ ทั้งลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ และการเข้าซื้อโรงแรมระดับโลกเข้ามาไว้ในพอร์ตจนทำให้ปัจจุบันสิงห์เอสเตท มีโรงแรมในพอร์ตถึง 37 แห่งทั้งในไทยและอีกหลายประเทศ เช่น มัลดีฟส์ ฟิจิ เมอริเชียส ซึ่งซีอีโอสิงห์เอสเตท ย้ำว่าจะไม่หยุดเพียงเท่านี้

Roadmap 2023
โรดแมพการลงทุน 5 ปี (2561-2563)

สร้างการยอมรับระดับสากล

สิงห์เอสเตทยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาองค์กรให้มีความแข็งแกร่ง และเติบโตอย่างยั่งยืน  ภายใต้กลยุทธ์หลัก ซึ่งประกอบไปด้วย

Reputable Global Holding Companyมุ่งมั่นในการเป็น Global Holding Company ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล มุ่งลงทุนในสินทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทนที่ดีและมีศักยภาพในการเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งในและต่างประเทศ

รวมถึงพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพ ภายใต้แบรนด์ระดับพรีเมี่ยม กระจายการลงทุนในแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำทั่วโลก ภายใต้กลยุทธ์ Smart M&A ทั้งควบรวมและซื้อกิจการ โดยปัจจัยสำคัญคือความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัท ที่เอื้อให้สามารถรองรับโอกาสทางการลงทุนได้อย่างรวดเร็ว

CROSSROADS Maldives by Singha Estate
โครงการครอสโรดส์ ที่มัลดีฟส์

ในปี 2562-2566 บริษัทตั้งเป้างบลงทุนไว้กว่า 85,000 ล้านบาท เพื่อขยายพอร์ตธุรกิจสู่การเป็น Global Holding Company เป็นที่ยอมรับในตลาดและมีการวางแผนระดมทุนระยะยาว ผ่านการตั้งกองทุนทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) การทำ credit rating เพื่อการออกหุ้นกู้ ตลอดจนการเป็นหุ้นยั่งยืน (Sustainability Investment Stock)

แผนระดมทุนผ่านกอง REIT ดังกล่าวอยู่ระหว่างดำเนินการ โดยบริษัทได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2561 ว่าได้ตั้งบริษัทย่อยคือ บริษัท เอส รีท แมเนจเม้นท์ จำกัด ขึ้นมาเพื่อก่อตั้งทรัสต์เพื่อการลงทุนสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ “เอส ไพรม์ โกรท” (SPRIME) เพื่อลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาฯ และกรรมสิทธิ์ในสังหาริมทรัพย์ของอาคารสำนักงานซัน ทาวเวอร์ส ซึ่งบริษัท แม็กซ์ ฟิวเจอร์ จำกัด ที่เป็นบริษัทย่อยของสิงห์เอสเตท เป็นเจ้าของ

นอกจากนี้บริษัทฯวางแผนยกระดับขีดความสามารถในการพัฒนาและบริหารโครงการในต่างประเทศ (Management Capability Enhancement) โดยโครงการสำคัญที่จะเปิดในปี 2562 คือโครงการ CROSSROADS ที่สาธารณรัฐมัลดีฟส์

สร้างแบรนด์ ‘พรีเมี่ยม’

นอกจากนี้จะเน้นเรื่องการสร้างแบรนด์ Singha Estate Branding เพื่อตอกย้ำจุดยืนของการเป็น Global Holding Company โดยมุ่งสร้างแบรนด์ “สิงห์ เอสเตท” ให้เป็นแบรนด์ชั้นนำและน่าเชื่อถือ สะท้อนเอกลักษณ์ที่ประณีตและคุณภาพระดับพรีเมี่ยม มาตรฐานระดับสากล โดยพัฒนาแบรนด์ “สิงห์ เอสเตท” บนพื้นฐานของความเข้าใจในธรรมชาติของการใช้ชีวิต (Human Bonding)

มุ่งหวังที่จะสร้างแรงบันดาลใจ สร้างอนาคตที่ดีสำหรับคนรุ่นต่อไป (Better world for next generation) มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ผ่านการบริการที่พิถีพิถัน (Human touch service) และการใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างความสะดวกสบายในการชีวิต SMART Human Technology

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังเดินหน้าพัฒนาบนพื้นฐาน Good Corporate Citizenship สู่การเป็นแบรนด์ที่ยั่งยืนในระดับโลก (Global SD Brand) เพื่อสร้างคุณค่าด้านความยั่งยืนให้กับพันธมิตรทางธุรกิจ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม

กลยุทธ์สำคัญอีกด้านคือ Business & Organization of Tomorrow การปรับองค์กรให้มีความพร้อมในการแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ โดยสร้างองค์กรที่มีความคล่องตัว ทั้งในด้านธุรกิจ พอร์ทโฟลิโอ และการดำเนินการ ซึ่งทุกกลุ่มธุรกิจล้วนมีโอกาสทางธุรกิจที่จะพัฒนาต่อเนื่อง เช่น การเพิ่มมูลค่าทรัพย์สิน ( Value Enhancement)

นอกจากนั้น บริษัทยังวางแผนที่จะพัฒนาธุรกิจใหม่ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของสินทรัพย์ประเภทใหม่ ธุรกิจสร้างมูลค่าเพิ่มต่อเนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตลอดจนธุรกิจใหม่ที่มีการเติบโตสูงในระยะยาว

เดินหน้าสู่องค์กรแห่งความยั่งยืน

กลยุทธ์ต่อมาคือ Sustainable Development ด้วยหลักปรัชญาการพัฒนาอย่างยั่งยืน ที่คำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ บริษัทได้นำแนวคิดเรื่องความสมดุลของการอยู่ร่วมกัน (Harmonious Co-Existence) และการสร้างองค์ความรู้ (Body of Knowledge) มาใช้ผ่านกิจกรรมหลายอย่างในหลายปีที่ผ่านมา อาทิ เช่น โครงการ “โตไวไว” ที่สร้างความสมดุลให้กับธรรมชาติ บริเวณอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่

โดยบริษัทมุ่งเน้นที่จะช่วยชุมชนให้มีความยั่งยืนในตัวเอง (Self-sustained Communities) ผ่านการจัดตั้งวิสาหกิจชุมชน (Social Enterprise) และทำงานร่วมกับเครือข่ายองค์กรด้านความยั่งยืนในระดับสากล นอกจากนี้ สิงห์เอสเตท ยังมุ่งมั่นที่จะเป็นสมาชิกดัชนี Dow Jones Sustainability Indices : DJSI

ผมมั่นใจที่จะนำบริษัทให้ก้าวไปข้างหน้า และบรรลุเป้าหมายใหม่ตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้

2019
แผนการดำเนินงานปี 2562

2562 ปีแห่งการเก็บเกี่ยวรายได้

สำหรับปี 2562 จะเป็นปีที่บริษัททยอยรับรู้รายได้จากการโอนโครงการที่พักอาศัย ที่ทยอยสร้างเสร็จ ได้แก่ ดิ เอส อโศก, ดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์, สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส, บันยันทรี เรสซิเดนซ์ ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ

รวมทั้งการรับรู้รายได้เต็มปี จากอาคารสำนักงานสิงห์ คอมเพล็กซ์,โรงแรม Outrigger 6 โรงแรมที่ซื้อมาเมื่อกลางปี 2561 ด้วยการลงทุน 310 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อกิจการโรงแรม และรีสอร์ท แบรนด์เอาท์ริกเกอร์ 6 แห่ง ใน 4 ประเทศท่องเที่ยว ประกอบด้วย

  • โรงแรมเอาท์ริกเกอร์ ลากูน่า ภูเก็ต บีช รีสอร์ท
  • โรงแรมเอาท์ริกเกอร์ เกาะสมุย บีช รีสอร์ท
  • โรงแรมเอาท์ริกเกอร์ ฟิจิ บีช รีสอร์ท ประเทศฟิจิ
  • โรงแรมแคสต์อะเวย์ ไอส์แลนด์ ประเทศฟิจิ
  • โรงแรมเอาท์ริกเกอร์ มอริเชียส บีช รีสอร์ท ประเทศมอริเชียส
  • โรงแรมเอาท์ริกเกอร์ โคน็อตต้า มัลดีฟส์ รีสอร์ท ประเทศมัลดีฟส์

นอกจากนี้จะเริ่มรับรู้รายได้จาก โครงการ CROSSROADS ที่สาธารณรัฐมัลดีฟส์  ทำให้ภาพรวมในปี 2562 จะเป็นปีที่บริษัทจะมีการเติบโตในระดับสูง และมีความแข็งแกร่งทางการเงินเพื่อความพร้อมในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

เปิดแผนลงทุนปีหน้า 2 หมื่นล้าน

ส่วนแผนงานของปี 2562 บริษัทยังคงวางแผนลงทุนในคอนโดมีเนียมอีกอย่างน้อย 1 โครงการ  ขณะที่ธุรกิจสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีก คาดว่าจะได้เริ่มก่อสร้างและเปิดตัวอีก 1 โครงการติดกับอาคารซันทาวเวอร์ส บริเวณถนนวิภาวดี-รังสิต เป็นการพัฒนาที่ดินประมาณ 7 ไร่ ภายใต้สัญญาเช่าระยะยาว พัฒนาเป็นอาคารสำนักงานและพื้นที่ค่าปลีก โครงการ OASIS มูลค่าลงทุนรวม 3,695 ล้านบาท ความสูง 36 ชั้นมีพื้นที่เช่าประมาณ 53,000 ตารางเมตร เริ่มก่อสร้างในปี 2562

ซีอีโอ สิงห์เอสเตท เผยว่าในปี 2562 บริษัทคาดว่าจะใช้เม็ดเงินในการลงทุนประมาณ 2 หมื่นล้านบาท สำหรับการพัฒนาโครงการใหม่ และการซื้อกิจการซึ่งอยู่ระหว่างเจรจา อาจมีการสรุปดีลซื้อโรงแรมเพิ่มเติมในช่วงปี 2562 จะทำให้จำนวนโรงแรมของสิงห์เอสเตท ที่มีอยู่ 37 แห่งเพิ่มเป็น 41 แห่ง

โดยจะขยายทำเลออกไปมากขึ้น พร้อมกันนี้ก็จะทำให้สัดส่วนทรัพย์สินที่เป็นรายได้จากการขาย และทรัพย์สินที่มีรายได้หมุนเวียนจากการเช่ามีสัดส่วนเป็น 50 : 50 ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ เพื่อความมั่นคงทางรายได้ และการเติบโตทางธุรกิจของสิงห์เอสเตทในอนาคต

Avatar photo