อัยการญี่ปุ่น ขยายผลสอบสวนความผิด คาร์ลอส โกสน์ ผู้ครองตำแหน่งประธานกรรมการ “นิสสัน มอเตอร์ โค” มาอย่างยาวนาน เชื่อไม่ได้รายงานรายได้ที่ได้รับจากบริษัทลูกในเนเธอร์แลนด์ มากกว่า 1 ล้านเยน ในรายงานผลประกอบการที่ยื่นต่อตลาดหลักทรัพย์
สำนักข่าวเกียวโด รายงานอ้างแหล่งข่าววงในการสอบสวนครั้งนี้ว่า แม้จำนวนเงินต้องสงสัยดังกล่าวจะน้อยกว่าที่มีการเปิดเผยออกมาก่อนหน้านี้ ที่เชื่อกันว่า เป็นเงินที่เขาได้มาจากราคาหุ้นของบริษัท แต่สำนักงานอัยการญี่ปุ่น ก็ได้กล่าวหาหน่วยงานดังกล่าวของนิสสันว่า มีบทบาทสำคัญในคดีอื้อฉาวทางการเงินครั้งนี้
เมื่อวันอังคาร (20 พ.ย.) แหล่งข่าวเปิดเผยว่า รายงานการเงินของนิสสัน ไม่ได้ระบุถึงรายได้หลายพันล้านเยน ที่โกสน์ได้รับจากการทะยานขึ้นของราคาหุ้นบริษัท ซึ่งเป็นวิธีการเดียวกับการให้สิทธิประโยชน์ทางหุ้น ที่จะมีการให้เงินโบนัสแก่ผู้บริหาร หากราคาหุ้นของบริษัททะยานขึ้นไปอยู่เหนือระดับที่กำหนดไว้
โกสน์ ซึ่งเป็นประธานกรรมการของเรโนลต์ และมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ป 2 ค่ายรถรายใหญ่จากฝรั่งเศส และญี่ปุ่น ถูกจับกุมเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (19 พ.ย.) เพราะต้องสงสัยว่า รายงานรายได้ต่ำกว่าความเป็นจริงตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ปีงบการเงินที่สิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2554
จำนวนรายได้ที่เกี่ยวข้องกับหุ้น คิดเป็นสัดส่วนข้างมากในรายได้ 5,000 ล้านเยน ที่ทางอัยการกล่าวหาว่าผู้บริหารวัย 64 ปีรายนี้ ไม่ได้รายงานเอาไว้ ตลอดช่วง 5 ปีดังกล่าว ซึ่งเป็นการละเมิดต่อกฎหมายตลาดหลักทรัพย์ และเครื่องมือทางการเงินของญี่ปุ่น
นอกจากนี้ โกสน์ ผู้เข้ามาฟื้นฟูนิสสันให้รอดพ้นจากการตกอยู่ในภาวะเกือบล้มละลาย ยังถูกกล่าวหาว่า มีที่พักอาศัยอยู่ในบราซิล ฝรั่งเศส เลบานอน และเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่บริษัทลูก และหน่วยงานอื่นๆ ของนิสสันซื้อเอาไว้ โดยที่เขาไม่ต้องจ่ายค่าเช่า และไม่ได้รายงานผลประโยชน์เหล่านี้ในฐานะส่วนหนึ่งในสวัสดิการที่เขาได้รับ
อัยการญี่ปุ่นมองว่า รายได้ที่ถูกกล่าวหาว่าโกสน์ได้รับมา ทั้งจากบริษัทลูก และในรูปแบบของโบนัสควรที่จะมีการลงรายงานไว้ว่าเป็นส่วนหนึ่งในรายได้ของเขา
ความเชื่อที่ว่า หน่วยงานในเนเธอร์แลนด์ มีบทบาทหลักในการประพฤติผิดครั้งนี้ ยังทำให้อัยการญี่ปุ่นเริ่มดำเนินการสอบสวนถึงวิธีการตั้งหน่วยงานแห่งนี้ พร้อมขยายผลสอบไปถึง “เกร็ก เคลลีย์” ผู้อำนวยการนิสสัน และผุ้ช่วยคนสนิทของโกสน์ ที่ถูกจับกุมตัวไปเมื่อวันจันทร์ด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ หลังจากที่มีการสอบสวนภายในมาหลายเดือน จากการที่ได้รับเบาะแสจากบุคคลภายในองค์กร นิสสันก็ได้ออกมาประกาศเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายนว่า โกสน์ ประพฤติผิดอย่างมากในหลายด้าน อาทิ นำสินทรัพย์ของบริษัทไปใช้ส่วนตัว และตรวจพบว่า เคลลีย์เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง โดยเชื่อว่า เคลลีย์ วัย 62 ปี เป็นผู้ชี้นำให้โกสน์ และเจ้าหน้าที่รายอื่นๆ ทำตัวเลขที่ไม่ถูกต้อง ในรายงานผลประกอบการที่นิสสันต้องยื่นต่อตลาดหลักทรัพย์
นิสสันมีแผนที่จะปลดโกสน์ ซึ่งถือสัญชาติฝรั่งเศส และเคลลีย์ อดีตทนายความของบริษัทกฎหมายชื่อดังในสหรัฐ ก่อนที่จะมาร่วมงานกับบริษัทเมื่อปี 2531 ออกจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ในการประชุมบอร์ดบริหารวันพรุ่งนี้ (22 พ.ย.)
เช่นเดียวกับมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่คาดว่าจะดำเนินการทำนองเดียวกันนี้ในสัปดาห์หน้า ส่วนการประชุมบอร์ดของเรโนลต์ เมื่อวานนี้ (20 พ.ย.) มีมติตั้ง เธียรี บอลลอร์ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ (ซีโอโอ) เข้ามารักษาการตำแหน่งซีอีโอเป็นการชั่วคราว โดยที่ยังไม่ได้ปลดโกสน์แต่อย่างใด
ที่มา: KYODO
