COLUMNISTS

แจกแหลก!! หวังผลเพื่อคนจนจริงหรือ

Avatar photo
177

เห็นที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  “เทกระจาด” อนุมัติเงินเพื่อใช้กับโครงการต่างๆ เบ็ดเสร็จ 86,994 ล้านบาท มีอยู่ 5 มาตราการหลักๆ

แว็บแรกที่เห็น ก็ดีนะช่วยผู้มีรายได้น้อย เพราะเป็นหน้าที่รัฐบาลที่ต้องทำอย่างนี้อยู่แล้ว อีกอย่างคนเป็นรัฐบาลมักชอบทำอะไรออกมาใกล้สิ้นปี แล้วบอกว่าเป็นของ“ขวัญปีใหม่”

วลีแบบนี้คุ้นๆ มันเป็นทั้งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งและรัฐบาลเฉพาะกิจอย่างที่เป็นอยู่ และดูเหมือนเป็นการเสพติดเป็นโรคติดต่อการใช้งบประมาณลักษณะนี้กันแล้วไม่ว่ากัน

ประยุทธ์ สมคิด

อย่างมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรคนจน  38,730 ล้านบาท โดยใช้เงินจากกองทุนประชารัฐ เพื่อเศรษฐกิจฐานราก ฟังดูดี เพราะมีการนำไปช่วยบรรเทาภาระ

1.ค่าไฟ 230 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน

2.ค่าน้ำ 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน

3.ค่าเช่าบ้าน 400 บาทต่อคนต่อเดือน

ข้อ 1-3 ช่วยเหลือเป็นเวลา 10 เดือนเริ่ม (ธ.ค.61 – ก.ย.62)

4.ของขวัญปีใหม่ที่รัฐบาลมอบให้ 500 บาทต่อคน มอบให้ (ธ.ค.2561 )

5.ค่าเดินทางรักษาพยาบาลผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป 1,000 บาทต่อคน

ไม่จบแค่นี้ยังมีในส่วนของเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ 559 ล้านบาท และเงินบำเหน็จดำรงชีพ 24,700 ล้านบาท เงินชดเชยดอกเบี้ย 3,876 ล้านบาท ให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จัดทำโครงการบ้านล้านหลังราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ให้ผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ในอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน มาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ 525 ล้านบาท และโครงการสร้างความเข้มแข็งให้กับชาวสวนยางพารา 18,604 ล้านบาท

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นมาตรการช่วยเหลือที่รัฐ“เทกระจาด”ออกมาในการประชุมครม.ที่ผ่านมา เป็นสิ่งที่ดีงามที่ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย

ของขวัญปีใหม่คนจน 01

เรื่องแบบนี้ถ้าออกมาช่วงปกติก็ดูดีเป็นเรื่องการช่วยเหลือ แต่กระบวนการและวิธีการที่ออกมาในระยะนี้ ดูมันแปลกๆ แม้จะเอ่ยอ้างว่าเป็นของ “ขวัญปีใหม่” ก็ตาม ที่จริงการบริหารประเทศ มันไม่ต้องเลือกจังหวะและเวลาสักเท่าไหร่ ออกมาช่วงไหนก็ช่วยชาวบ้านได้ ที่สำคัญควรจะทำมานานแล้วในหลายๆเรื่อง

แต่จังหวะที่ออกมาตอนนี้ ถ้าไม่เรียกว่าเป็นมาตรการหาเสียงเหมือนๆ กับที่พรรคการเมืองชอบทำกัน ก็ไม่รู้ว่าจะเรียกอะไรดีให้เหมาะสม ที่สำคัญช่วงนี้ก็อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางการเมือที่ใครต่อใครนินทากันถึงความได้เปรียบ เสียเปรียบทางการเมืองอยู่ ระหว่างพรรครัฐบาลอย่างพลังประชารัฐ (พปชร.) กับพรรคการเมืองทั่วไป

เอาละ..ใครจะบอกว่า “ไม่จริง” ไม่ใช่มาตรการหาเสียงล่วงหน้าก็ว่าไป แต่สิ่งที่ปรากฎมันเกินกว่าคำบรรยาย ที่จะพูดว่าเป็นมาตรการ “หาเสียง” เพราะใช้งบประมาณแบบไม่ต้องลงทุนสักเท่าไหร่ อย่างนี้พรรคการเมืองคู่แข่งใครเขาจะเห็นด้วย ยังไม่ทันเริ่มลงสนามแข่ง ปรากฎการณ์ความได้เปรียบเสียเปรียบก็เกิดขึ้นเสียแล้วเหรอเนี่ย

4 รมว

ขณะที่พรรคการเมืองอื่น บอกเลยตอนนี้ยังไม่รู้จะก้าวเดินอย่างไร เพราะยังไม่ได้เปิดพื้นที่ให้เขาทำกิจกรรมทางการเมืองได้อย่างเต็มร้อย ขณะที่พรรครัฐบาลกลับใช้จังหวะจัดโปรโมชัน “แจกแหลก” มันจะไม่เกี่ยวข้องกับการหาเสียงล่วงหน้าได้อย่างไร ก็ในเมื่อที่ประชุมครม.ยังมี  “4 เกลอลูกรัก” ของ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่งผสมโรงเห็นดีเห็นงาม กับมาตรการที่ออกมา

แถมก่อนหน้านี้ก็ประกาศตัวตนชัดเจน เป็นทั้ง หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค รองหัวหน้าพรรค และโฆษกพรรค เบ็ดเสร็จ

รัฐบาลกำลังเป็น “ซานต้า” ไม่คิดว่ามาตรการที่ออกมามันจะจบสิ้นแค่นี้ เชื่อเถอะ..ระหว่างทางยังคงมีให้เห็นต่อเนื่อง ส่วนจะหวังผลเพื่อคนจนจริงหรือไม่ งานนี้ต้องดูกันยาวๆ

แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านี้ “ประชาชน”เท่านั้นแหละที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ “พลังแจก” จะสมหวังอย่างที่คิดไว้หรือไม่ จะสามารถเพิ่มคะแนนให้กับ พลังประชารัฐ ได้แค่ไหนตรงนี้คือคำตอบมากกว่า

วิธีการที่นำมาใช้วันนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเขาทำกัน และก็ไม่แปลกใจที่จะมีหลายๆ สิ่งก็อปปี้กันไปก็อปปี้กันมา ปลายทางสร้างอำนาจทางการเมืองนั่นเอง

ฉะนั้นวันนี้ใครจะออกมา “ร้องแรกแหกกระเชอ” ขอความเห็นใจไม่ใช่การ”หาเสียง” มันฟังไม่ขึ้นจริงๆ