Lifestyle

ทั่วโลกชู ‘ส้วมสะอาด’ ป้องกันแพร่ระบาดเชื้อโรค

สาธารณสุข รณรงค์ ‘ส้วมครบวงจร เสียงสะท้อนจากธรรมชาติ’ เน้นจัดการสิ่งปฏิกูลอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ชวนรณรงค์ส้วมครบวงจร เสียงสะท้อนจากธรรมชาติ ส่งเสริมให้ประชาชน  มีพฤติกรรมการใช้ส้วมอย่างถูกต้อง ดูแล และปรับปรุงส้วมให้สะอาด พร้อมเน้นย้ำให้จัดการสิ่งปฏิกูลอย่างถูกหลักสุขาภิบาลและปลอดภัย เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน

ส้วม 1
นพ.ธวัช สุนทราจารย์

นพ.ธวัช สุนทราจารย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยในวันนี้ (19 พ.ย.) ภายหลังเป็นประธานการแถลงข่าวรณรงค์วันส้วมโลกว่า สหประชาชาติ(ยูเอ็น) ได้กำหนดให้วันที่ 19 พฤศจิกายนของทุกปี เป็น “วันส้วมโลก” เพื่อให้ทั่วโลกเห็นความสำคัญเรื่องการแก้ไขปัญหาวิกฤติด้านสุขาภิบาล

ปีนี้กรมอนามัยร่วมรณรงค์ในหัวข้อหลักว่า  “ส้วมครบวงจร…เสียงสะท้อนจากธรรมชาติ (When Nature calls)” เพื่อให้หน่วยงาน และประชาชนเห็นความสำคัญของการใช้ส้วม และจัดการสิ่งปฏิกูลอย่างถูกหลักสุขาภิบาล ตั้งแต่แหล่งกำเนิด ตลอดจนนำสิ่งปฏิกูลไปใช้ประโยชน์อย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน เพื่อลดการเจ็บป่วยจากโรคระบบทางเดินอาหาร หนอนพยาธิ และปัญหาทุพโภชนาการ

รวมทั้งดูแลส้วมของตนเองและส้วมสาธารณะให้สะอาด (Health) เพียงพอ (Accessibility) ปลอดภัย (Safety)  และมีพฤติกรรมการใช้ส้วมที่ถูกต้อง เพื่อสุขอนามัยที่ดี และป้องกันไม่ให้ส้วมเป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อโรค

“ตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา กระทรวงสาธารณสุขได้ริเริ่มนโยบายพัฒนาส้วมสาธารณะ โดยร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่าย จัดทำแผนแม่บทพัฒนา   ส้วมสาธารณะไทยและส่งเสริมให้มีการพัฒนาส้วมสาธารณะให้ได้มาตรฐานความสะอาด  เพียงพอ  และปลอดภัย  เพื่อให้ประชาชนไทยเข้าถึงส้วมสะอาดในทุกสถานที่ รองรับการเป็นสังคมเมืองและวิถีชีวิตคนไทยที่เปลี่ยนไปใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น”

ส้วม 3

การพัฒนาส้วมสาธารณะยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญ เช่น เทศกาลวันปีใหม่ เทศกาลวันสงกรานต์ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างประเทศเข้ามาใช้บริการส้วมสาธารณะจำนวนมาก และที่สำคัญคือเพื่อป้องกันไม่ให้ส้วมสาธารณะเป็นแหล่งแพร่เชื้อโรค ผู้ใช้บริการปลอดภัย และประทับใจที่ใช้บริการ

ทางด้าน พ.ญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ผลการดำเนินงานพัฒนาส้วม  และการจัดการสิ่งปฏิกูลในประเทศไทย พบว่า ครัวเรือนมีส้วมใช้ และถูกสุขลักษณะ จำนวน 20.3 ล้านครัวเรือน คิดเป็น  99.8 %   อีก  0.2 % หรือ จำนวน 40,729 ครัวเรือน ยังไม่มีส้วม หรือเป็นส้วมที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล และยากลำบากในการเข้าถึง

จากผลการขับเคลื่อนการดำเนินงานพัฒนาส้วมสาธารณะไทยตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมาใน 12 สถานบริการสาธารณะ ได้แก่ วัด โรงเรียน แหล่งท่องเที่ยว  โรงพยาบาล ตลาด สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร สถานที่ราชการ สถานีขนส่ง สวนสาธารณะ และส้วมริมทาง พบว่า ผลการขับเคลื่อนในภาพรวม ไทยมีส้วมสาธารณะที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน HAS (Healthy Accessibility Safety) ซึ่งประกอบด้วย สะอาด (Health) เพียงพอ (Accessibility) ปลอดภัย (Safety) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2560 มีส้วมที่ผ่านมาตรฐาน HAS สัดส่วน 71.32 %

ส้วม 5

“ในปี 2560 กรมอนามัยร่วมกับภาคีเครือข่าย จัดกิจกรรมการสรรหาสุดยอดส้วมขึ้น    เพื่อสรรหาต้นแบบปฏิบัติที่ดีในการจัดการส้วมสาธารณะ ให้เจ้าของสถานประกอบการตระหนักถึงการพัฒนาบำรุงรักษาส้วมให้สะอาด เพียงพอ และปลอดภัย ผลักดันให้เกิดความร่วมมือระหว่างเครือข่าย องค์กรและชุมชน ร่วมกันพัฒนาส้วมและจัดการสิ่งปฏิกูลที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม”

ปีที่แล้ว มีเจ้าของส้วมสาธารณะได้รับรางวัลสุดยอดส้วมระดับประเทศ จำนวน 17 แห่ง อาทิ โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา โรงเรียนเอกอโยธยา อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เป็นต้น

กิจกรรมที่เกิดขึ้นวันนี้กรมอนามัยจะรายงานไปยังองค์การน้ำแห่งสหประชาชาติ (UN Water) โดยเผยแพร่ผ่านทาง Website ของ UN Water  เพื่อแบ่งปันเรื่องราวการจัดกิจกรรมวันส้วมโลกของประเทศไทยร่วมกับทั่วโลกต่อไปด้วย

Avatar photo