จำนวนผู้สูญหายจากเหตุไฟไหม้ป่าในพื้นที่ทางตอนเหนือของแคลิฟอร์เนีย พุ่งขึ้นเกินกว่า 600 รายแล้ว ด้านเจ้าหน้าที่พบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 7 ราย
เหตุไฟป่าในพื้นที่ทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐ ที่ถูกเรียกว่า “แคมป์ ไฟร์” กลายมาเป็นเหตุไฟไหม้ป่าที่สร้างความเสียหาย และทำให้มีผู้เสียชีวิตมากสุดในประวัติศาสตร์ของรัฐ ด้วยยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดอยู่ที่ 63 ราย และมีอาคารบ้านเรือนที่ถูกเผาทำลายไปแล้วเกือบ 12,000 แห่ง
ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ มีกำหนดเดินทางมายังแคลิฟอร์เนียในวันพรุ่งนี้ (17 พ.ย.) เพื่อสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้น และพบปะกับกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุรุนแรงครั้งนี้
แคมป์ ไฟร์ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อ 8 วันก่อน เผาผลาญพื้นที่ทางตอนเหนืออย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีกระแสลมแรงช่วนหนุนให้ไฟลามไปอย่างรวดเร็ว ทำให้การอพยพหนีออกจากพื้นที่ของประชาชนเป็นไปอย่างยากลำบาก
ทางการแคลิฟอร์เนีย ปรับเพิ่มยอดผู้สูญหายล่าสุดขึ้นมาอยู่ที่ 631 ราย เพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าจากจำนวน 200 เมื่อวานนี้ (15 พ.ย.) ซึ่งโครีย์ โฮเนีย นายอำเภอเขตบัตต์ อธิบายว่า ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ เป็นเพราะเจ้าหน้าที่สอบสวนได้ตรวจสอบข้อมูลซ้ำอีกครั้งอย่างละเอียด รวมถึง บันทึกการโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน ที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่เกิดเหตุไฟป่าเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พร้อมย้ำว่า จำนวนคนสูญหายนี้อาจมีความไม่แน่นอนสูงมาก
สำหรับสถานการณ์ล่าสุดนั้น กรมดับเพลิงแคลิฟอร์เนีย ระบุว่า สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ราว 40% แล้ว แต่คาดว่าจะยังไม่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ทั้งหมดจนกว่าจะถึงสิ้นเดือนนี้ โดยล่าสุดไฟป่าในเขตนี้ได้เผาไหม้พื้นที่ไปแล้วเกือบ 400,000 ไร่
เจ้าหน้าที่ยังต้องแบ่งกำลังไปรับมือกับเหตุไฟไหม้ป่าในอีกหลายจุดของรัฐ รวมถึง เหตุไฟป่า ที่เรียกกันว่า วูลซีย์ ไฟร์ ในเขตเวนทูรา ใกล้กับนครลอสแองเจลิส ที่เผาผลาญพื้นที่ไปแล้วมากกว่า 250,000 ไร่ และคุมเพลิงไว้ได้ 62%
นอกจากนี้ ยังมีเหตุไฟไหม้ป่า “ฮิลล์ ไฟร์” ที่อยู่ในเขตเวนทูราเช่นกัน ครอบคลุมพื้นที่เกือบ 12,000 ไร่ ซึ่งจุดนี้ควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว 99%
