กบง.มติปรับเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันทุกชนิด 50 สตางค์/ลิตร หลังราคาน้ำมันลดลงอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสภาพกองทุนน้ำมัน คาด 4 เดือนสะสมเงินเข้ากองทุนน้ำมันครบ 11,000 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานในวันนี้ (15 พ.ย.)ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มี ดร.ศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานฯ ได้มีการประชุมเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เพื่อพิจารณา เรื่องการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
โดยมีมติปรับเพิ่มการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ทุกชนิด 0.50 บาทต่อลิตร ทำให้อัตราเงินกองทุนน้ำมันเฉลี่ยของกลุ่มน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์อยู่ที่ 1.93 บาทต่อลิตร และดีเซลหมุนเร็วอยู่ที่ 0.70 บาทต่อลิตร ซึ่งจะทำให้กองทุนน้ำมันฯ มีรายรับประมาณ 100 ล้านบาทต่อวัน จะใช้เวลาประมาณ 4 เดือนในการสะสมเงินให้ครบ 11,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ การเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันดังกล่าว เนื่องจากการที่ราคาน้ำมันดิบลดลงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม 2561 ที่ระดับราคา 84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จนถึงปัจจุบัน 66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หรือลดลง 18 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
ที่ผ่านมากระทรวงพลังงานได้กำกับอัตราเงินกองทุนน้ำมัน และค่าการตลาดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 อี 10 ลดลง 2.80 บาทต่อลิตร มาอยู่ในระดับ 28.85 บาทต่อลิตรและราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็วลดลง 0.60 บาทต่อลิตร มาอยู่ที่ระดับ 29.29 บาทต่อลิตร
ขณะเดียวกันได้บริหารจัดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ซึ่งได้มีการใช้ไปแล้วเมื่อตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเพื่อรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็วไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร และก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) ถังละ 363 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม
มาตรการดังกล่าวได้ใช้เงินกองทุนน้ำมันฯ ไป 11,000 ล้านบาท ตั้งแต่ต้นปี จากเดิมที่มี 34,500 ล้านบาท คงเหลือ ปัจจุบัน 23,500 ล้านบาท ดังนั้น กบง. จึงได้มีมติวางเป้าหมายการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเพิ่มขึ้น เพื่อเสริมสภาพเงินกองทุนน้ำมัน เพื่อรองรับความผันผวนของตลาดน้ำมันที่จะเกิดขึ้นได้ในอนาคต
